แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยต้องการให้อธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221จำเลยก็ควรขอร้องไปยังอธิบดีกรมอัยการโดยตนเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของจำเลยไปให้รับรอง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 อีก 1 ใน 3 เป็นจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาไปให้อธิบดีกรมอัยการตรวจรับรองให้ฎีกาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการยื่นฎีกา ถึงแม้ศาลจะปฏิบัติตามคำร้องของจำเลย ก็ไม่มีทางที่อธิบดีกรมอัยการจะรับรองฎีกาของจำเลยได้ทันจึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยจะขอให้อธิบดีกรมอัยการรับรองนั้น เป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องดำเนินการเองศาลชั้นต้นไม่มีหน้าที่จัดส่งคำร้องให้พิพากษายืนในผล
จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาตรงไปยังอธิบดีกรมอัยการเพื่อรับรองได้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาไม่เข้ามาตรา 217 ถึง221 ไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นฎีกาอุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฎีกาได้ให้รับฎีกาศาลชั้นต้นจึงสั่งรับและส่งสำนวนมายังศาลฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218, 219, 220 นั้น เมื่อจำเลยยื่นฎีกาตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 221 มิได้บัญญัติให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งฎีกาของจำเลยไปให้อธิบดีกรมอัยการรับรองการรับรองฎีกาย่อมเป็นประโยชน์แก่จำเลยเอง จำเลยก็น่าจะขวนขวายขอร้องไปยังอธิบดีกรมอัยการโดยตนเอง
พิพากษายืน