แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทไว้ต่ำกว่าราคาประเมินของ สำนักงานวางทรัพย์กลางก็หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เนื่องจากการประเมินราคาทรัพย์อาจมีความเห็นแตกต่างกันได้ทั้งไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการประเมินราคามีเจตนาไม่สุจริต การเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดเป็นเรื่องของบุคคลที่สนใจจะเข้าประมูลไม่เกี่ยวกับเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดแต่อย่างใด เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจจะบังคับหรือห้ามมิให้ผู้ใดเข้าสู้ราคา ดังนั้นการที่มีผู้เข้าสู้ราคาน้อยจึงไม่ใช่ข้อแสดงว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยไม่ชอบ การที่ ว. ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมสู้ราคา มิได้เสนอราคาเข้าต่อสู้ มิได้หมายความว่า ว. สมรู้กับผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นหรือบุคคลภายนอก เพราะการที่ ว. มิได้เสนอราคาดังกล่าวอาจเป็นเพราะ ว. เห็นว่าราคาในการประมูลสูงเกินไปก็ได้ เมื่อพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าฝ่ายผู้ซื้อทรัพย์สมรู้กับผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นและบุคคลภายนอกในการประมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาท ทั้งราคาที่ผู้ซื้อทรัพย์ ประมูลได้ก็สูงกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตกลงขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อตามราคาที่ผู้ซื้อเสนอมาจึงเป็นการขายทรัพย์ในราคาที่พอสมควรแล้ว ไม่ต่ำเกินไปกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาพันเอกวัง ปั้นสนิท ผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดศาลชั้นต้นให้ถอนการบังคับคดีและอนุญาตให้ผู้ซื้อทรัพย์เข้าสวมสิทธิบังคับคดีต่อไป ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวไปในราคา 4,000,000 บาทโดยผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อได้
จำเลยยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ไว้เพียง1,425,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาท้องตลาดมาก ทั้งปรากฏว่าในวันขายทอดตลาดมีผู้เข้าฟังการประมูลถึง 150 คน แต่มีผู้เข้าสู้ราคาเพียง 3 คนรวมทั้งนายกมล ไชยโรจน์รักษ์ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ประมูลได้ในราคา 4,000,000 บาท แต่สำนักงานวางทรัพย์กลางได้ประเมินราคาทรัพย์ดังกล่าวไว้ 3,768,800 บาท ราคาที่ประมูล ได้ถึงสูงกว่าราคาที่สำนักงานวางทรัพย์กลางประเมินไว้เพียงเล็กน้อยเป็นการประมูลโดยสมรู้กัน และราคาที่ขายยังต่ำกว่าราคาท้องตลาดมาก เพราะทรัพย์ดังกล่าวมีราคาในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 6,000,000 บาท ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและให้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ดังกล่าว
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ราคาที่ขายก็เป็นราคาที่สมควร ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่ามีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์คดีนี้หรือไม่ เห็นว่า แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเพียง 1,425,000 บาท แต่สำนักงานวางทรัพย์กลางประเมินราคาไว้ถึง 3,768,800 บาทก็หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยฎีกาไม่เนื่องจากการประเมินราคาทรัพย์อาจจะมีความเห็นแตกต่างกันได้ทั้งไม่ได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีมีเจตนาไม่สุจริตแต่อย่างใดจึงรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนปัญหาว่าการที่ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ประมูลได้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทในราคาเพียง 4,000,000 บาท เป็นการสมคบกันประมูลโดยไม่สุจริตและเป็นราคาที่ต่ำเกินไปหรือไม่ เห็นว่า จำเลยหาได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ว่ามีการสมรู้ในการประมูลสู้ราคาระหว่างนายกมล ไชยโรจน์รัตน์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ซื้อทรัพย์ กับผู้สู้ราคาคนอื่นและบุคคลภายนอกอย่างไร จำเลยนำสืบโดยเบิกความเพียงว่า จำเลยเชื่อว่าการประมูลขายทอดตลาดครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีผู้ร่วมฟังการประมูลถึง 150 คน แต่มีผู้เข้าสู้ราคาเพียง 3 คน และราคาที่ผู้ประมูลได้ก็สูงกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางไม่มากนัก จำเลยจึงเชื่อว่าผู้เข้าประมูลทั้ง 3 คน สมคบกันฮั้วราคาประมูลครั้งนี้ เห็นว่าการเข้าสู้ราคาเป็นเรื่องของบุคคลที่สนใจจะเข้าประมูลหาหาเกี่ยวกับเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดแต่อย่างใดไม่เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจจะบังคับหรือห้ามมิให้ผู้ใดเข้าสู้ราคาแต่อย่างใด ดังนั้น การที่มีผู้เข้าสู้ราคาน้อยจึงไม่ใช่ข้อที่แสดงว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยไม่ชอบ ส่วนที่จำเลยอ้างว่านางสาววีราภรณ์ บรรดุจวงศ์ สมรู้กับฝ่ายผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นนั้น เห็นว่า การที่นางสาววีราภรณ์ผู้เข้าร่วมสู้ราคามิได้เสนอราคาเข้าต่อสู้ด้วยอาจเป็นเพราะเห็นว่ามีการประมูลในราคาที่สูงเกินไปแล้วก็ได้ จึงยังรับฟังไม่ได้ว่านางสาววีราภรณ์สมรู้กับฝ่ายผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นหรือบุคคลภายนอกแต่อย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีราคาในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 6,000,000 บาท นั้นก็ปรากฏว่าพยานที่จำเลยนำมาเบิกความสนับสนุน คือ นางสุรางค์ เกษตรธรรม เป็นพี่สาวจำเลย ส่วนนายวิศิษฐ์ วิริยะสกุล ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับงานในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย ย่อมจะเบิกความเป็นประโยชน์กับจำเลยส่วนนายบุญเตือนมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่น่าเชื่อว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะมาขอซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากจำเลยในราคาถึง6,000,000 บาท ได้ ที่จำเลยอ้างว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทมีราคาในท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 6,000,000 บาท จึงไม่น่าเชื่อส่วนการขายทอดตลาดครั้งก่อนมีผู้ให้ราคาสูงสุดถึง 4,050,000 บาทนั้น ก็ปรากฏว่าสูงกว่าครั้งนี้เพียง 50,000 บาท ทั้งผู้ให้ราคาสูงสุดดังกล่าวมิได้วางเงินทำให้ต้องมีการขายทอดตลาดใหม่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้ราคาสูงสุดดังกล่าวอาจเห็นว่าราคาสูงเกินกว่าราคาที่ควรเป็นจึงไม่ยอมวางเงินก็ได้ พยานหลักฐานของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่าฝ่ายผู้ซื้อทรัพย์สมรู้กับผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นและบุคคลภายนอกในการประมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทและราคาที่ผู้ซื้อทรัพย์ประมูลได้ก็สูงกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลาง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคา 4,000,000 บาท ตามที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอจึงเป็นราคาที่พอสมควรแล้วหาได้ขายไปในราคาต่ำเกินไปไม่ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน