แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้เลื่อนการพิจารณาคดีไป รอฟังผลของคดีอื่น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานปลอมหนังสือ ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีโจทก์มีมูลพิพากษากลับให้ ประทับฟ้องโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและระหว่างสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นในคดีแพ่งซึ่งจำเลยที่ ๑ ฟ้องโจทก์นั้น ศาลได้พิพากษาให้โจทก์คดีนี้แพ้คดีจำเลย โดยศาลเชื่อว่าสัญญากู้ที่เป็นมูลกรณีในคดีนี้ไม่ปลอม และคดีนั้นอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ หากรอคดีนี้ไว้ผลของคดีแพ่งแล้ว จะสะดวกแก่การพิจารณา จึงมีคำสั่งให้รอคดีนี้ไว้ฟังผลที่สุดของคดีแพ่ง ให้งดสืบพยานจำเลยคดีนี้ไว้
โจทก์อุทธรณ์ว่าไม่ควรรอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปรอฟังผลของคดีอื่นเป็นแต่เพียงคำสั่งในระหว่างศาลดำเนินกระบวนพิจารณา ไม่มีผลทำให้การพิจารณาคดีนี้เสร็จสำนวนไปได้ ยังจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีต่อไป ฉะนั้น จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๖
พิพากษายืน
โจทก์อุทธรณ์ว่าไม่ควรรอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา