แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง มิได้เป็นการลงโทษจำเลยที่ 1 โดยจำคุกเกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 124ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายจำหน้าจำเลยไม่ได้ คำเบิกความของผู้เสียหายและเอกสารพยานโจทก์มีพิรุธ คำเบิกความของผู้เสียหายคดีนี้แตกต่างกับคำเบิกความอีกคดีหนึ่งในข้อสำคัญ และจำเลยให้การชั้นสอบสวนเพราะถูกบังคับ เป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 371 ขณะกระทำผิดจำเลยทั้งสองอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว ให้เรียงกระทงลงโทษ ลงโทษฐานปล้นทรัพย์จำคุกคนละ 9 ปี ฐานพาอาวุธปรับคนละ45 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปีและปรับ 30 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี 6 เดือน และปรับ21.50 บาท ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลางมีกำหนดคนละ 2 ปีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104(2) โดยให้นับการฝึกอบรมจำเลยที่ 2 ต่อจากระยะเวลาฝึกอบรมในคดีหมายเลขดำที่ 378/2535 หมายเลขแดงที่ 1737/2535 และคดีหมายเลขดำที่ 741/2535หมายเลขแดงที่ 1320/2535 ของศาลชั้นต้น และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 10,000 บาท แก่ผู้เสียหายถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้ฝึกอบรมเพิ่มคนละ 1 วันยกคำขออื่น
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี และปรับ 30 บาท เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกลาง มีกำหนด 2 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534มาตรา 104(2) การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกอบรมดังกล่าวนั้นมิได้ลงโทษจำเลยที่ 1 โดยจำคุกเกิน 5 ปี ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 124 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าผู้เสียหายจำหน้าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ก็ดีคำเบิกความของผู้เสียหายและเอกสารพยานโจทก์มีพิรุธก็ดี คำเบิกความของผู้เสียหายคดีนี้แตกต่างกับคำเบิกความอีกคดีหนึ่งในข้อสำคัญก็ดีและจำเลยที่ 1 ให้การชั้นสอบสวนเพราะถูกบังคับก็ดีเป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1