คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตรของ ส. เจ้ามรดก ร่วมกับจำเลยที่ 3 พา ส.ไปทำพินัยกรรมที่ที่ว่าการอำเภอต่อมาส.ถึงแก่กรรมลง จำเลยที่ 3 ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะบุตรซึ่งเป็นทายาทของส. จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่ทำเพราะการข่มขู่หรือกลฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1708 และ 1709

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นบุตรนายสิงห์นางทองอ่อน สงคำจันทร์ ก่อนนายสิงห์ถึงแก่กรรมนายสิงห์มีความประสงค์จะทำพินัยกรรม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2530นายสิงห์ได้พาโจทก์จำเลยทั้งสามและบุคคลอื่นอีกหลายคนไปดูที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 174ตำบลดงใหญ่ เพื่อชี้แนวเขตและแบ่งแยกออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กันโดยโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้คนละหนึ่งส่วน อีกส่วนหนึ่งจะตกได้แก่ผู้ที่ได้ทำบุญอุทิศให้แก่นายสิงห์เมื่อนายสิงห์ถึงแก่กรรมแล้ว ในวันเดียวกัน จำเลยทั้งสามได้พานายสิงห์ไปทำพินัยกรรมที่ว่าการอำเภอวาปีปทุมตามเจตนาดังกล่าว ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2530 นายสิงห์ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา จำเลยที่ 3 ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอวาปีปทุม โจทก์คัดค้านว่าพินัยกรรมไม่ถูกต้องเป็นโมฆะ เพราะพินัยกรรมดังกล่าวทำขึ้นโดยมีการขู่เข็ญบังคับหรือโดยกลฉ้อฉลไม่เป็นตามเจตนาเดิมของนายสิงห์เจ้าพนักงานแนะนำให้โจทก์มาฟ้องต่อศาลขอให้พิพากษาว่า พินัยกรรมฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2530 ของนายสิงห์เป็นพินัยกรรมปลอมเป็นโมฆะและให้เพิกถอนพินัยกรรม
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิโจทก์หรือโจทก์ต้องใช้สิทธิทางศาลเกี่ยวกับพินัยกรรมแต่อย่างใดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาใหม่ต่อไป ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับไป
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า กรณีเป็นเรื่องโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทของนายสิงห์ สงคำจันทร์เจ้ามรดก ใช้สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1708 และมาตรา 1709 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share