แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีคนขว้างบ้านจำเลยในเวลาค่ำคืน จำเลยจึงถือไฟฉายและขวานออกไปดูพบผู้ตาย ๆใช้มีดไล่แทงจำเลย ๆวิ่งหนีขึ้นเรือนผู้อื่น ไปจนมุมที่หัวบันได ผู้ตายยังตามขึ้นไปจะแทงจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตายไป 1 ที แล้วฟันต่อไปอีก 2 ที ผู้ตายถึงแก่ความตายณทีนั้นเอง ,ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุและไล่แทงจำเลยก่อน จำเลยหนีไปจนมุมแล้ว ก็ยังตามจะแทงจำเลยอีก การที่จำเลยฟันครั้งแรกแล้วยังฟันต่อไปอีกนั้น ก็เป็นเวลาฉุกละหุกและค่ำคืน ผู้ตายก็ถือมีดอยู่ในมืออาจจะแทงเอาขณะใดก็ได้ จึงถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยฆ่านายเหลาตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำโดยป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัว แต่การที่จำเลยฟันผู้ตายคราวแรกแล้วยังฟันอีก ๒ ที เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ทางพิจารณาได้ความว่า คืนโจทก์หา เวลาราว ๒๐ นาที มีคนขว้างเรือนจำเลย ๆ ถือขวานกับไฟฉายลงเรือนไปดู พบผู้ตาย ผู้ตายได้ใช้มีดไล่แทงจำเลย ๆ วิ่งหนีขึ้นบรรไดเรือนนายนวน ผู้ตายไล่ตามขึ้นไป ไปจนมุมที่หัวบรรไดเรือน โดยเกิดติดประตูเข้าเรือนนายนวนไม่ได้ จึงเกิดทำร้ายกันขึ้น ผู้ตายถูกทำร้ายถึงแก่ความตายในที่นั้น ซึ่งศาลล่างฟังต้องกันว่า เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ ในข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายนั้น เนื่องจากผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ และไล่ตามแทงจำเลยก่อน เมื่อจำเลยหนีไปจนมุมอยู่ที่หัวบรรได ผู้ตายยังตามขึ้นไปจะแทงอีก การที่จำเลยฟันครั้งแรกแล้วยังฟันต่อไปอีกนั้น เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นเป็นเวลาฉุกละหุกประกอบกับเวลาค่ำคืน และผู้ตายก็ถือมีดอยู่ในมือ อาจจะแทงเอาขณะใดก็ได้ การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายไปเช่นนั้น ไม่เป็นการสมควรแก่เหตุ จึงพิพากษายืน