คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบเงินเพื่อไปซื้อข้าวเปลือกไว้ขายเอากำไร แล้วนำเงินมาส่งแก่เจ้าของ จำเลยได้มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวเสีย ดังนี้ เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะเป็นฟ้องที่อาจตีความได้หลายนัย คือไม่กล่าวว่าผลกำไรจากการซื้อขายข้าวนั้นตกเป็นของใครจึงอาจตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นซื้อขาย ส่วนเจ้าของเงินได้แต่ค่าป่วยการ เช่นการกู้ยืมหรือว่ากำไรนั้นแบ่งกันเป็นทำนองหุ้นส่วน หรือว่ากำไรเป็นของเจ้าของเงินแต่ผู้เดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๙๐ เวลากลางวันจำเลยได้รับมอบหมายเงินจากนายมานิต สมประสงค์ ๕๐๐๐๐ บาท เพื่อไปซื้อข้าวเปลือกไว้ขายเอากำไร แล้วนำเงินมาส่งให้แก่นายมานิต เมื่อวันใดไม่ปรากฎระหว่างวันที่ ๔ มีนาคม ถึงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ จำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงิน ๕๐๐๐๐ บาทดังกล่าวแล้วหรือยักยอกข้าวเปลือกที่จำเลยซื้อหรือราคาข้าวเปลือกที่จำเลยขายได้เนื่องจากนำเงิน ๕๐๐๐๐ บาทของนายมานิตไปซื้อไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๔ และให้จำเลยใช้เงิน ๕๐๐๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ว่าเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๔ จำคุก ๑ ปี ลดตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๖ เดือน ให้จำเลยใช้เงิน ๕๐๐๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า ถ้อยคำตามฟ้อง ไม่ได้ความชัดว่าผลกำไรจากการซื้อข้าวเปลือกไว้ขายนั้นตกเป็นใคร กล่าวคืออาจตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นซื้อขายนายมานิตได้แต่ค่าป่วยการ เช่นการกู้หนี้ยืมสินธรรมดาหรือว่ากำไรจากการซื้อขายนั้นแบ่งกันในระหว่างจำเลยกับนายมานิตเป็นทำนองหุ้นส่วนหรือว่ากำไรนั้นเป็นของนายมานิตแต่ผู้เดียว จำเลยช่วยทำให้เปล่าเป็นทำนองช่วยเหลือกัน เมื่อฟ้องของโจทก์อาจตีความไปได้หลายนัยดังนี้ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม จึงพิพากษายืน

Share