คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญาระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย ข้อความในสัญญามีความว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน ผู้ขายตกลงขายที่ดินบ้านพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ขายได้รับเงินจากผู้ซื้อครบถ้วนในวันทำสัญญาและจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อในภายหลัง ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 115 ผู้ซื้อไม่มีสิทธิ์ฟ้องบังคับผู้ขายให้ส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายได้ ส่วนหน้าที่ของผู้ขายซึ่งจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๐๗ จำเลยตกลงขายที่บ้าน ๑ แปลงพร้อมด้วยเรือนและครัวให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๘,๐๐๐ บาท จำเลยได้รับเงิน ๘,๐๐๐ บาท จากโจทก์ในวันทำสัญญา จำเลยจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้โจทก์ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๐๗ ขอให้จำเลยส่งมอบที่บ้าน เรือนและครัวให้โจทก์ให้จำเลยไปทำนิติกรรมขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หากไม่ยอมไป ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบที่บ้านเรือนและครัวดังกล่าวให้โจทก์ได้ ก็ให้ใช้เงิน ๘,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นสายลับและสายสืบให้เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งให้สืบสวนว่าผู้ใดเป็นคอมมิวนิสต์ โจทก์ได้พูดขู่เข็ญว่า จำเลยกับพวกเป็นคอมมิวนิสต์ จะรายงานให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุม จำเลยกับพวกกลัวได้ขอร้องโจทก์ โจทก์ให้จำเลยกับพวกนำเงินมาให้โจทก์คนละ ๑,๐๐๐ บาท โจทก์จึงจะไม่รายงาน แต่จำเลยกับพวกไม่มีเงิน โจทก์ได้นำเอาหนังสือสัญญาซึ่งไม่ได้เขียนข้อความให้จำเลยกับพวกลงชื่อ แล้วบอกให้จำเลยกับพวกนำเงินมาให้โจทก์ภายใน ๓ เดือน ถึงวันนัด จำเลยไม่มีเงินชำระ โจทก์จึงฟ้อง
นางใครภรรยาจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานโจทก์เบิกความขัดแย้งตอนชำระเงินให้จำเลย สัญญาซื้อขายและคำเบิกความของโจทก์ไม่ปรากฏว่า โจทก์ประสงค์จะให้มีการจดทะเบียนซื้อขายทรัพย์รายนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะ จะขอให้บังคับไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายให้โจทก์จริง และสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาจะซื้อขาย เพราะกำหนดเวลาส่งมอบที่ดินหรือจะหมายความถึงภาษาชาวบ้านนอก ก็คือไปโอนทะเบียนกัน โจทก์มีสิทธิ์ขอให้ศาลบังคับตามสัญญาได้ พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งมอบที่ดิน เรือนและครัวให้แก่โจทก์ ให้จำเลยไปทำนิติกรรมโอนขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แก่โจทก์ หากไม่ยอมไปให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือสัญญาในคดีนี้ระบุว่าเป็นหนังสือสัญญาซื้อขาย โดยโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกัน จำเลยตกลงขายที่บ้านเรือนและครัวให้แก่โจทก์ จำเลยได้รับเงิน ๘,๐๐๐ บาท แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๐๗ จำเลยจะส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๐๗ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ และ ๑๑๕ ส่วนหน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายให้แก่ผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๖๑ นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เมื่อหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องบังคับจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share