คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีได้รับมรดกที่ดินมาในระหว่างสมรส แล้วทำนิติกรรมยกที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หา เมื่อปรากฏว่าการให้นั้นเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3) แล้ว ก็ไม่จำต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากภริยาภริยาไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้เพิกถอน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกที่ดินให้โดยเสน่หาระหว่างนายพูนสามีโจทก์ผู้วายชนม์กับจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมไม่สมบูรณ์เป็นลาภมิควรได้

จำเลยสู้ว่าสามีโจทก์เป็นลุงจำเลย จำเลยได้เลี้ยงดูมารดาของสามีโจทก์ให้ได้รับความสุขสบายจนกระทั่งตาย สามีโจทก์จึงตอบแทนความดีของจำเลยด้วยการยกที่พิพาทให้ เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี เป็นการยกสินบริคณห์ให้ไม่เกินกว่าส่วนของสามีโจทก์เมื่อยกให้โจทก์ก็ยินยอมเห็นชอบด้วยแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาว่า แม้จะเป็นการยกให้ในทางศีลธรรมแต่ก็ถือไม่ได้ว่า “ตามสมควร” เพราะเกินฐานะของนายพูนการยกให้จึงไม่สมบูรณ์ ให้เพิกถอนนิติกรรมยกให้นี้เสีย

จำเลยอุทธรณ์ขอให้สืบพยานทั้งสองฝ่ายต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่ายต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาว่าแม้นายพูนจะยกที่พิพาทให้จำเลยในทางศีลธรรม แต่ก็เกินสมควร การยกให้ไม่สมบูรณ์ ให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนการยกให้ที่พิพาทระหว่างนายพูนกับจำเลยเสีย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า เป็นการยกให้ในทางศีลธรรมตามสมควรยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายพูนยกที่ดินพิพาทครึ่งหนึ่งซึ่งนายพูนได้รับมรดกจากมารดามาให้แก่จำเลยโดยเสน่หา และไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นหนังสือแต่การยกให้นั้นเนื่องจากนายพูนคิดถึงคุณงามความดีของจำเลยที่ปฏิการะเลี้ยงดูมารดาของนายพูนมา และยกให้ครึ่งหนึ่งไม่เกินส่วนได้ของโจทก์ที่จะได้รับในฐานะสินสมรสถือได้ว่าเป็นการให้ในทางศีลธรรมอันดี การยกให้ของนายพูนไม่เกินฐานะความเป็นอยู่ของนายพูนและโจทก์ จึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี จึงไม่จำต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ นิติกรรมยกให้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้เพิกถอน

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ ยกฎีกาโจทก์

Share