คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรผู้เยาว์มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของบุตรด้วยความระมัดระวังเช่นวิญญูชนจะพึงกระทำ
หากผู้แทนโดยชอบธรรม คือ บิดา ไม่ดูแลหรือใช้ทรัพย์สินโดยผิดหน้าที่ ทั้งบุตรมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ดังนี้ ไม่มีกฎหมายใดที่จะให้บุตรต้องรับผิดร่วมด้วย
จำเลยเป็นลูกจ้างของบิดา นำเรือยนต์และถุงลากปลาของบุตรผู้เยาว์ไปกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการประมงฯ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยและให้ริบของกลาง บุตรผู้เยาว์ของบิดาซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนเรือยนต์และถุงลากของกลางได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 8,9, 62 พระราชบัญญัติการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 9ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลย 150 บาท ของกลางซึ่งมีถุงลาก 1 สำรับ ปลา 1 เข่ง และเรือยนต์ 1 ลำ ให้ริบตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติการประมง(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 10 ด้วย

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ของกลางที่ศาลสั่งริบ คือ เรือยนต์ 1 ลำและถุงลาก 1 ถุง ไม่ใช่เป็นของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ขอให้คืนของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า นายประสิทธิ์ แซ่หลี ผู้ร้องซึ่งมีนายซุ่น แซ่หลี เป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย คำพิพากษาของศาลให้ริบนั้นย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 69 พระราชบัญญัติการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 10 นั้นเรือและเครื่องมือทำการประมงที่ใช้ทำการประมงในที่รักษาพืชพันธุ์ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเจ้าของอันแท้จริงจะได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วยหรือไม่

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยเชื่อว่า ผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยไปจับปลาคราวนี้

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้คืนเรือยนต์และถุงลากของกลางคืนให้แก่ผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อสำคัญในเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ถ้านายประสิทธิ์ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิได้คืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 แต่ถ้ารู้เห็นเป็นใจด้วย ก็ขอคืนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมกระทำอะไรในการจัดการทรัพย์ของผู้เยาว์แล้ว ต้องถือว่าเป็นการกระทำของผู้เยาว์ด้วยทุกอย่างดังที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงมา เพราะไม่มีกฎหมายให้ผู้เยาว์ต้องรับผิดเช่นนั้น นายซุ่นก็ได้เบิกความว่า นายซุ่นปกครองเรือของกลางอยู่เพราะนายประสิทธิ์เรียนหนังสืออยู่ที่จังหวัดสงขลา เหตุได้เกิดที่ตำบลการะเกต อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อโจทก์มิได้นำสืบหักล้างเกี่ยวกับตัวนายประสิทธิ์ผู้ร้องเลย ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่า นายประสิทธิ์ซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ต้องคืนของกลางให้แก่นายประสิทธิ์ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share