แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ ศาลชั้นต้นตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของจำเลยแล้ว การที่ จำเลยยื่นคำแถลงขอชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ค้างชำระทั้งหมดพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดี เป็นการขอถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) การขอถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) นั้น ลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องวางเงินต่อศาล เป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม แห่งคดีหรือค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วยซึ่งค่าธรรมเนียม ในการบังคับคดีนั้น รวมถึงค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สิน ซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อภายหลังที่มี การยึดทรัพย์แล้วจำเลยนำเงินมาวางศาลเฉพาะที่ค้างชำระหนี้ โจทก์และค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีเท่านั้น โดยมิได้วางเงิน ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายไว้ด้วย การที่ ศาลชั้นต้นสั่งถอนการบังคับคดีจึงไม่ถูกต้อง โจทก์ชอบ ที่จะบังคับคดีต่อไปได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ตามตั๋วเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 316,897 บาท พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความเป็นเงิน5,000 บาท ให้แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวด ๆ แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลย และนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16077พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์
ก่อนการขายทอดตลาดจำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2537 ขอวางเงินต่อศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ค้างอยู่ทั้งหมดพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่โจทก์ และขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดี โดยจำเลยที่ 1 วางเงินต่อศาลจำนวน 223,938.25 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับเงินไว้และถอนการบังคับคดี
ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หักค่าฤชาธรรมเนียมในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายไว้ ส่วนที่เหลือจึงจ่ายให้โจทก์ เจ้าหน้าที่หักค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายไว้เป็นเงิน24,500 บาท แล้วจ่ายส่วนที่เหลือให้โจทก์ไปเป็นเงิน 199,438.25บาท โจทก์ยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หักค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายจากเงินที่จำเลยที่ 1นำมาวางชำระหนี้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองยังชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมไม่ครบถ้วน เพราะจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระเงินค่าธรรมเนียมส่วนนี้แทนโจทก์ด้วย ที่ศาลชั้นต้นสั่งถอนการบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงไม่ถูกต้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งการบังคับคดีโดยให้ถือว่าการยึดทรัพย์จำเลยที่ 1 ยังมีผลต่อไป
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าจำเลยที่ 2 มีสิทธิฎีกาด้วยหรือไม่ เห็นว่า ทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เป็นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1เท่านั้นที่ขอวางเงินเพื่อให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดีซึ่งมีผลให้ถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว จำเลยที่ 2ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขอให้ถอนการบังคับคดีนี้ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนของจำเลยที่ 2 คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการบังคับคดีชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีแล้วการที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงขอชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ค้างชำระทั้งหมดพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการบังคับคดี เป็นการขอถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) ซึ่งลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องวางเงินต่อศาลเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีหรือค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วยซึ่งค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีนั้น ค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอม ดังนั้น จำเลยที่ 1 ต้องวางเงินต่อศาลเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีหรือค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีให้ครบถ้วนเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) แต่คดีนี้จำเลยที่ 1 นำเงินมาวางศาลเฉพาะที่ค้างชำระหนี้โจทก์และค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีเท่านั้น โดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีอันรวมถึงค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้หักเงินค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายจากเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางชำระหนี้ต่อศาล จึงทำให้เงินที่วางไว้ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อจำเลยที่ 1 ยังวางเงินไม่ครบถ้วนเช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งถอนการบังคับคดีจึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตา 295(1) โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้”
พิพากษายืน