คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าซื้อเครื่องยนต์ไปจากโจทก์ แล้วผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินค้างชำระ จำเลยเอาเครื่องยนต์นั้นไปขายฝากแก่ผู้ร้อง เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย จำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแต่แล้วก็ผิดนัดชำระอีก แม้จำเลยจะมิได้ไถ่เครื่องยนต์นั้นคืนจากผู้ร้องตามสัญญาขายฝาก โจทก์ก็ยังมีสิทธินำยึดเครื่องยนต์นั้นได้ เพราะจำเลยมิได้มีกรรมสิทธิ์อันจะนำไปขายฝากได้

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่า ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมามีเรือกลประมงชื่อพัฒนาสมบัติ 2 พร้อมด้วยเครื่องยนต์ยี่ห้อ “โคมาย” 1 เครื่อง กับอวนและสิ่งของประจำเรือรวม 7 รายการเป็นของผู้ร้องโดยจำเลยได้ขายฝากแก่ผู้ร้องไว้จนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ร้องแล้ว ขอให้ปล่อยทรัพย์

โจทก์ให้การว่า เรือยนต์นั้นยังเป็นของจำเลย จำเลยเช่าซื้อเครื่องยนต์”โคมาย” ของโจทก์ไปแล้วผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์ฟ้องเรียกเครื่องยนต์คืน แล้วจำเลยยอมความกับโจทก์ ยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างโดยผ่อนชำระ ถ้าผิดนัดก็ให้บังคับคดีได้ทันทีและยอมส่งมอบเครื่องยนต์คืนโจทก์ด้วย ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำยึด ที่จำเลยนำทรัพย์รายนี้ไปขายฝาก เป็นเรื่องยักยอกทรัพย์ของโจทก์เอาไปขายฝากเพื่อฉ้อโกงเจ้าหนี้

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วให้ถอนการยึดทรัพย์ทั้ง 7 อันดับคืนแก่ผู้ร้อง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะทรัพย์รายการอันดับ 2 (เครื่องยนต์เรือ)

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเช่าซื้อเครื่องเรือยนต์พิพาทไปจากโจทก์แล้วผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อพร้อมด้วยดอกเบี้ยแล้วโจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างด้วยการผ่อนชำระ ถ้าผิดนัดก็ยอมให้บังคับคดีได้ทันที กับยอมส่งมอบเครื่องยนต์เรือพิพาทคืนแก่โจทก์ด้วย ศาลพิพากษาตามยอม หลังจากนั้นจำเลยผิดนัดไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์จึงบังคับคดียึดทรัพย์รายนี้เพื่อขายทอดตลาดซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการฟ้องคดี (9 ธันวาคม2509) ได้ความว่าจำเลยได้นำเอาเรือยนต์ตลอดจนเครื่องอุปกรณ์ประจำเรือไปขายฝากไว้กับผู้ร้องเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2509 ครบกำหนดไถ่คืนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2510 แล้วจำเลยมิได้ไถ่คืน เห็นว่าในขณะที่จำเลยขายฝากเรือไว้กับผู้ร้องนั้น ยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาแห่งการเช่าซื้อที่จำเลยเช่าซื้อเครื่องยนต์เรือมาจากโจทก์ แม้ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2510 จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแก่โจทก์ แต่จำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระซ้ำยังรับจะคืนเครื่องยนต์เรือแก่โจทก์ด้วยกรรมสิทธิ์ในเครื่องยนต์เรือนั้นจึงไม่ตกเป็นของจำเลย จำเลยจึงเอาเครื่องยนต์เรือนั้นไปขายฝากแก่ผู้ร้องมิได้ ผู้ร้องจึงไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในเครื่องยนต์ดังกล่าว เมื่อกรณีไม่ได้ความว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ด้วยเหตุอื่นใดอีก จึงร้องขอปล่อยทรัพย์รายนี้ไม่ได้

พิพากษาแก้ ให้ยกคำร้องเฉพาะทรัพย์รายการอันดับ 2 นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share