คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทนทั้งนี้โดยจำเลยทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ว่าจะนำข้าวเปลือกเหนียวชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้า แม้ราคาข้าวจะขึ้นลงอย่างไรก็ตามดังนี้ แม้จำนวนและราคาข้าวจะเกินราคาสิ่งของไปมากเพียงใดก็ตามก็เป็นเรื่องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินหรือซื้อเชื่อข้าวจึงไม่ตกอยู่ในบังคับประกาศห้ามตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ไปราคา3,214 บาท โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทน ทั้งนี้โดยจำเลยจะต้องนำข้าวเปลือกเหนียวมาชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้าที่โจทก์ชำระไปแต่จำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า ซื้อสินค้าไปจริงแต่ไม่ได้ตกลงชำระเป็นข้าวเป็นการซื้อเชื่อธรรมดา ซึ่งจำเลยส่งเงินไป 3,400 บาท ชำระให้โจทก์แล้ว

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยซื้อเชื่อสินค้าไป และทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ว่าจะชำระข้าวเปลือกเหนียวให้โจทก์จริง เงินที่จำเลยส่งไปให้โจทก์มิใช่ชำระหนี้รายที่ฟ้อง จึงพิพากษาให้จำเลยส่งข้าวเปลือกเหนียว 8,484 กิโลกรัมให้โจทก์ ถ้าไม่อาจส่งได้ ก็ให้จำเลยชำระเงิน 6,787.20 บาท แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239บัญญัติว่า “ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ได้ออกหมายประกาศนี้แล้ว สืบต่อไปห้ามมิให้แต่บรรดาที่มีทุนรอนมากออกเงินตกทอดข้าวแก่ราษฎรที่ทำนานั้น ถ้าราษฎรผู้ที่ทำนาจะขัดสนไปกู้ยืมเงินแก่ท่านผู้ใดรับสัญญาว่าจะใช้ข้าวแทนต้นเงินและดอกเบี้ยก็ดี หรือจะซื้อข้าวเชื่อกันก็ดี เมื่อเวลาที่จะส่งข้าวแทนต้นเงินหรือแทนดอกเบี้ยนั้นให้คิดตามราคาที่ราษฎรซื้อแก่กันตามในเวลาที่จะใช้ข้าวให้แก่กันนั้นและเงินดอกเบี้ยนั้นให้คิดแต่เพียงชั่งละบาท ฯลฯ” ประกอบกับพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3, 4 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาจะใช้ข้าวเปลือกนี้ จะใช้ถ้อยคำอย่างใดก็ดี ย่อมฟังได้เท่ากับว่าจำเลยได้ยืมเงินโจทก์ใช้ให้บิดาโจทก์เป็นค่าซื้อของไป แล้วสัญญาใช้ให้โจทก์เป็นข้าวเปลือกเกินราคาเงิน ขัดกับกฎหมายที่กล่าวข้างต้น เงินที่โจทก์รับจากจำเลย 3,400 บาท ก็มากกว่าหนี้เดิมอยู่ไม่ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระอีก พิพากษากลับยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทำเอกสารให้โจทก์ไว้ว่าได้รับของไปจากร้านบิดาของโจทก์เป็นเงิน 3,214 บาท แต่จะจ่ายข้าวเปลือกให้ 707 หมื่น (หมื่นละ 12 กิโลกรัม) แม้ว่าราคาข้าวจะขึ้นลงก็ตามภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2502 ตามคำให้การแก้คดีของจำเลย ๆ ก็ให้การว่า ได้ซื้อเชื่อสินค้าต่าง ๆ ไปจากร้านของโจทก์ราคา 3,214 บาท จริง โดยตกลงจะชำระราคากันเป็นเงินภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2502 ศาลฎีกาไม่เห็นมีทางที่จะบิดผันสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยให้เป็นสัญญากู้ยืมเงินไปดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า จำเลยทำเอกสารดังกล่าวโดยมีข้อความว่าจำเลยตกลงชำระหนี้เป็นข้าวเปลือกจริง ซึ่งในชั้นฎีกานี้ จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งความความข้อนี้อย่างใด จำเลยก็ต้องผูกพันชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญานั้นที่ศาลอุทธรณ์อ้างประกาศห้ามตกข้าว ฯ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 มาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ นั้นศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อกรณีนี้ไม่ใช่กู้ยืมเงินกันดังได้วินิจฉัยแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีซื้อเชื่อข้าว จึงไม่มีทางที่จะนำบทกฎหมายดังกล่าวนั้นมาปรับแก่กรณีนี้

พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ

Share