คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์แล้วโจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดให้จำเลยแพ้ แต่จำเลยได้กล่าวในคำแก้อุทธรณ์ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ต้องยกขึ้นพิจารณาจะถือว่าประเด็นนั้นยุตติแล้วไม่ได้
คำฟ้องอุทธรณ์และคำแก้อุทธรณ์ก็เป็นคำฟ้องและคำให้การตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.1 (3) และ (4)
ในสัญญาระบุชื่อและระบุว่าผู้จัดการร้านนั้นอาจแสดงว่ามีหน้าที่อะไรหรือแสดงว่าทำในฐานะผู้จัดการร้านซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของร้านก็ได้ ฉะนั้นอีกฝ่ายหนึ่งนำพะยานบุคคลมาสืบว่าผู้นั้นเป็นตัวแทนของเจ้าของร้านก็ได้ ไม่เป็นการสืบแก้เอกสาร แต่เป็นการสืบอธิบาย
คนในร้านค้าของจำเลยทำสัญญาขายกระดาษจำเลยรับว่าผู้นั้นเป็นผู้จัดการร้านค้าของจำเลยซึ่งค้ากระดาษและเครื่องเขียนนั้นมีอำนาจในการค้าในวงเขตต์ของร้านสาขานั้น
ผู้จัดการร้านสาขามีอำนาจทำสัญญาขายสินค้าในร้านนั้นเป็นราคามากๆได้โดยไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของร้าน
การที่เจ้าของร้านมอบอำนาจให้ผู้จัดการร้านสาขาขายของแต่ฉะเพาะเงินสดนั้นถ้าผู้ทำสัญญาซื้อของไม่รู้ความข้อนี้ เจ้าของร้านจะยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกไม่ได้
คณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคในภาวะคับขันสั่งควบคุมกระดาษและห้ามไม่ให้จำหน่ายแก่ผู้ใดนั้น แต่เจ้าของขายอาจขออนุญาตขายได้นั้น ถ้าผู้ทำสัญญาขายกระดาษไม่ส่งกระดาษให้ผู้ซื้อโดยไม่ขออนุญาตต่อทางการเพื่อขาย ผู้ขายก็อ้างเหตุดั่งกล่าวนั้นเพื่อให้พ้นความรับผิดตามสัญญาในฐานเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้
ทำสัญญาขายกระดาษให้แก่กรมๆหนึ่ง แล้วไม่ส่งกระดาษตามสัญญานั้นจะอ้างว่ากระดาษอยู่ในความครอบครองขององค์การรัฐบาลซึ่งต่างกรมมาแก้ตัวความรับผิดสัญญาไม่ได้
การที่ลูกหนี้ไม่มีเงินชำระหนี้ ไม่ทำให้หลุดพ้นจากการชำระหนี้
พฤตติการณ์ที่แสดงว่าการโต้ตอบกันไม่มีการตกลงกันอย่างใหม่พฤตติการณ์ที่แวดล้อมเกี่ยวแก่การพิจารณาว่าจะควรลดเบี้ยปรับตามสัญญาหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาขายกระดาษ ขอให้จำเลยใช้เบี้ยปรับและบังคับให้ส่งกระดาษ ๑๕๐๐ ริมตามสัญญา จำเลยต่อสู้หลายประการ
ศาลแพ่งฟังว่า จำเลยเชิดนายฮะกิมเป็นตัวแทนในการทำสัญญาจำเลยจึงต้องรับผิด แต่จำเลยส่งกระดาษให้โจทก์ไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อที่ศาลแพ่งฟังว่านายฮะกิมเป็นตัวแทนจำเลย จำเลยไม่อุทธรณ์จึงฟังเป็นยุตติ แล้วฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษาให้จำเลยใช้ต้องเบี้ยปรับฐานผิดสัญญาวันละ ๕๐ บาท ตั้งแต่วันผิดสัญญาจนกว่าจะชำระค่าปรับเสร็จ กับให้ส่งกระดาษให้โจทก์ ๑๕๐๐ ริม ราคาริมละ ๑๒ บาท ๕๐ สตางค์
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อฎีกาของจำเลยคือ
๑. ฎีกาในเรื่องตัวแทนเกี่ยวกับข้อที่ศาลอุทธรณ์ถือว่าประเด็นยุตตินั้น ได้ความว่าในคำชี้แจงแก้อุทธรณ์ของจำเลยได้เสนอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นในข้อนี้มิชอบ เพราะจำเลยชนะคดีแล้วจะหวังให้จำเลยอุทธรณ์คัดค้านอย่างไรอีก การตั้งประเด็นในศาลอุทธรณ์นั้น คู่ความอาจตั้งได้ทั้งฟ้องในอุทธรณ์และคำแก้อุทธรณ์เช่นเดียวกับคำฟ้องและทำให้การในศาลชั้นต้น เพราะคำฟ้องอุทธรณ์ก็เป็นคำฟ้อง และคำแก้อุทธรณ์ก็เป็นคำให้การตาม ป.ม.วิ.แพ่ง.ม.๑ (๓) – (๔) ผิดกันแต่ว่าในชั้นอุทธรณ์จะตั้งประเด็นใหม่ไม่ได้
สัญญาที่นายฮะกิมทำกับโจทก์ไม่มีระบุว่านายฮะกิมเป็นตัวแทนของจำเลย มีแต่ว่านายฮะกิมผู้จัดการร้านสาขา เอ.อาร์ซาเลบาย อาจเป็นการลงตำแหน่งผู้จัดการไว้เพื่อแสดงว่ามีหน้าที่อะไรหรือเพื่อแสดงว่าทำในฐานะผู้จัดการร้านซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยผู้เป็นเจ้าของร้านก็ได้ ฉะนั้นการนำสืบว่า นายฮะกิมเป็นตัวแทนของจำเลยในฐานะการทำสัญญานี้ จึงไม่ต้องห้ามเพราะเป็นการสืบอธิบายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ จำเลยรับว่านายฮะกิมเป็นผู้จัดการร้านของจำเลยซึ่งค้ากระดาษและเครื่องเขียนเป็นการรับอยู่ในตัวว่าในการค้าของร้านสาขานั้น นายฮะกิมเป็นตัวแทนของจำเลยมีอำนาจในการค้าภายในวงเขตต์ของร้านสาขานั้นแม้ไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจแต่ก็เป็นการแสดงต่อคนภายนอกว่านายฮะกิมเป็นตัวแทนของจำเลยในร้านสาขานั้น ข้อที่จำเลยอ้างว่านายฮะกิมได้รับมอบอำนาจให้ขายแก่โจทก์ฉะเพาะเงินสดศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่ได้ต่อสู้ไว้ชัดแจ้งในคำให้การ และไม่ปรากฎว่าโจทก์รู้ความข้อนี้ ฎีกาข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น
๒. ข้อที่จำเลยว่าส่งกระดาษให้โจทก์ไม่ได้เพราะเหตุสุดวิสัย ศาลฎีกาฟังว่าแม้กระดาษของจำเลยจะถูกคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคสั่งควบคุมและถูกห้ามไม่ให้จำหน่าย จำเลยก็มีช่องขออนุญาตทางการขายให้แก่โจทก์ตามสัญญาได้ ดังเช่นที่ห้างจำเลยขายแก่กรมราชทัณฑ์ แต่จำเลยมิได้ขออนุญาตต่อทางการเลยแสดงว่าไม่ขวนขวายปฏิบัติตามสัญญา จะว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยตาม ม.๒๑๙ ไม่ได้ หากเป็นเหตุเท่านี้เป็นเหตุพ้นวิสัย การที่ลูกหนี้ไม่มีเงินชำระมิทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการชำระหนี้ไปด้วยหรือ ส่วนการกระทำของตัวแทนของจำเลยทำไม่ถูกหรือกระดาษ อยู่ในองค์การณ์ของรัฐบาล ไม่เป็นข้อแก้ตัว
๓. เมื่อโจทก์มีคำสั่งให้ห้างจำเลยส่งกระดาษภายในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๔๘๕ นายฮะกิมมีหนังสือถึงโจทก์ว่าทางการบังคับซื้อไปหมดขอเลิกสัญญา ผู้แทนโจทก์มีหนังสือตอบว่า ถ้าไม่ส่งภายใน๗วันจะซื้อที่อื่นและห้างจำเลยจะต้องรับผิดในราคาที่แพงไป จำเลยไม่ได้ยอมรับตามหนังสือนั้น แต่ขอให้พิจารณาเลิกสัญญาอีก โจทก์มีหนังสือให้ส่งกระดาษภายใน ๗ วันอีก มิฉะนั้นจะจัดการตามที่เป็นควรต่อมาอัยยการมีหนังสือให้จำเลยส่งกระดาษหรือให้ใช้ค่าเสียหาย ๓๓๓๐๐๐ บาทภายใน ๕ วัน มิฉะนั้นจะจัดการต่อไปตามกฎหมายไม่ปรากฎว่าจำเลยยอมรับตามข้อเสนอนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยมิได้ตกลงกันใหม่อย่างไร สิทธิและความรับผิดคงเป็นไปตามเดิม และสิทธิของโจทก์ไม่หมดไปตาม ม.๓๘๐ วรรค ๑ แต่กรณีเข้า ม.๓๘๐ วรรค ๒ ตามข้อสัญญามีความว่า ผู้ซื้อมีอำนาจปรับผู้ขายหรือจะซื้อสิ่งของที่อื่นโดยผู้ขายต้องรับผิดในค่าของที่ซื้อตลอดจนพาหนะได้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นข้อสัญญาเปิดโอกาศให้เลือกเอาทางใดก็ได้ ส่วนข้อที่โจทก์อาจซื้อกระดาษจากโรงงานกระดาษไทยหรือบริษัทไทยนิยมจะเป็นก็แต่เพียงแต่เหตุบรรเทาเบี้ยปรับตาม ม.๓๘๑แต่ตามรูปคดีโดยทั่วไปโดยฉะเพาะอย่างยิ่งจำเลยไม่พยายามปฏิบัติตามสัญญาคือไม่ขออนุญาตทางการขายกระดาษให้โจทก์ และที่ไม่ขอก็เพราะจำเลยเห็นว่า นายฮะกิมตัวแทนทำสัญญาผิดไป ศาลฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรลดเบี้ยปรับ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share