แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การครอบครองที่ดินเกิน 10 ปีแล้ว แม้จะได้ครอบครองอยู่ในขณะมีการซื้อขายที่ดินกันก็ตาม เมื่อผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตมีค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิแล้วย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้ครอบครอง.
เมื่ออ้างว่าการโอนที่ดินไม่สุจริตฝ่ายกล่าวอ้างจะต้องนำสืบหักล้างความข้อนี้ต่อศาล.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องสี่สำนวนว่านาตามโฉนดที่ ๗๕๕,๗๕๗ เปนของโจทก์โดยซื้อจากพระองค์เจ้าเหมวดี จำเลยรุกที่นา
จำเลยให้การว่า ได้ครอบครองนารายพิพาทมาเกิน ๑๐ ปี และการโอนซื้อของโจทก์ไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยปกครองมาเกิน ๑๐ ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ แม้โจทก์จะซื้อโดยสุจริตมีค่าตอบแทนก็ไม่ได้กรรมสิทธิ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อโจทก์นำสืบว่าได้ซื้อโดยสุจริตและค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนแล้วซึ่งจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างข้อนี้ โจทก์ย่อมได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๔+ จึงพิพากษากลับศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิในที่รายพิพาท เพราะได้ซื้อมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนแล้ว แม้จำเลยจะได้ครอบครองมาเกิน ๑๐ ปีขณะที่โจทก์ซื้อก็ตามจะสู้สิทธิของโจทก์หาได้ไม่ โจทก์ได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๔๙ จึงพิพากษายืนศาลอุทธรณ์