คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าคำเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีก่อนหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาทุกฉะบับจะต้องระบุข้อ เท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง จะ+ถือเอาฟ้องอุทธรณ์มาเป็นฟ้องฎีกาด้วยไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เบิกความเท็จและได้ใช้และเสี้ยมสอนจำเลยที่ ๒ กับผู้อื่นให้เบิกความเท็จในคดีดำที่ ๗๖/๒๔๘๒ ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ของให้ลงโทษฐานกระทำพะยานเท็จและเบิกความเท็จ
ศาลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่ามิได้มีการเสี้ยมสอนพะยานกัน และเรื่องเบิกความเท็จนั้นก็ไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จึงพิพากษาโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ โจทก์จะฎีกาได้ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมายส่วนข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๙ ฎีกาของโจทก์ที่ว่าเป็นสำคัญในคดีหรือไม่เป็นปัญาข้อเท็จจริงโจทก์ฏีกาไม่ได้ ส่วนที่ว่าศาลหยิบยกเอาข้อโต้เถียงในคดีก่อนผิดจากสำนวนนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ที่ว่าผิดจากสำนวนอย่างไรนั้นโจทก์มิได้อธิบายไว้ในฎีกาเลยเป็นแต่อ้างว่าดั่งที่โจทก์ได้อธิบายไว้พิศดารในฟ้อง
อุทธรณ์ข้อ ๔ ฉะนั้นเมื่อโจทก์มิได้อธิบายไว้ในฎีกาแล้ว ฎีกาโจทก์นันก็เท่ากับว่ามิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อ กฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง จะให้ถือเอาฟ้องอุทธรณ์มาเป็นฟ้อง ฎีกาไม่ได้เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๓ และ ๒๒๕ บัญญัติว่าฎีกาทุกฉะบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอีงเป็นลำดับฎีกาของโจทก์มิได้เป็นไปตาม กฎหมายดังกล่าวแล้วจึงไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษายกฎีกาโจทก์เสีย

Share