แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระภิกษุสามเณรเป็นพะยานเบิกความเท็จไม่มีผิดฐานเบิกความเท็จ+
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องนายฟุ้งจำเลยหาว่าปลอมหนังสือ และนำเอกสารปลอมนั้นมาอ้างเป็นพะยานในศาล และฟ้องสมีทองหาว่าในขณะที่เป็นพระภิกษุได้เบิกความเท็จ ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองได้ทำผิดจริงดังฟ้อง พิพากษาลงโทษนายฟุ้งตามมาตรา ๒๒๔ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน สมีทองตามมาตรา ๑๕๕ มีกำหนด ๑ ปี
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าในข้อที่โจทก์หาว่าสมีทองเบิกความเท็จนั้นตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๕ บัญญัติว่าถ้าผู้ใดได้สาบาลตัวหรือปฏิญาณจะให้ถ้อยคำในการพิจารณาคดีใด ๆ แล้ว และมันเบิกความเท็จมีความผิด แต่ตามพ.ร.บ.ลักษณพะยาน ร.ศ.๑๑๓ มาตรา ๑๕ บัญญัติมิให้พระภิกษุหรือสามเณรซึ่งเป็นพะยานสาบาลเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นเมื่อจำเลยปฏิญาณในเวลาเบิกความแล้ว เมื่อให้การเท็จ จึงยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จส่วนนายฟุ้งจำเลยนั้นพะยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เพียงพอว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสีย