แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะต้องเป็นการกระทำผิดโดยมีเจตนาเท่านั้น คดีนี้จำเลยกระทำความผิดโดยประมาท จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะโจทก์ร่วมเปิดไฟส่องเข้าตาจำเลย ทำให้จำเลยโกรธและบันดาลโทสะจนควบคุมสติไม่ได้ อันเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะได้ อีกทั้งข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยดังกล่าวก็หาใช่เป็นกรณีกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
จำเลยให้การปฏิเสธ
ในระหว่างพิจารณา นายบรรเลงผู้เสียหายที่ 1 กับนางนิตยาผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ลงโทษจำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 72 ชั่วโมง ศาลต้องยกฟ้อง เห็นว่าอธิบดีกรมอัยการอนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยได้ ฉะนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถล้ำเข้าไปชนรถโจทก์ร่วมที่ 1ในช่องเดินรถของโจทก์ร่วมที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และที่จำเลยฎีกาว่าเหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะโจทก์ร่วมที่ 1 เปิดไฟส่องเข้าตาจำเลย ทำให้จำเลยโกรธและบันดาลโทสะควบคุมสติไม่ได้ จึงกระทำผิดโดยบันดาลโทสะนั้น เห็นว่าการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะต้องเป็นการกระทำผิดโดยมีเจตนาเท่านั้นคดีนี้จำเลยกระทำความผิดโดยประมาท จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ อีกทั้งข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยดังกล่าวก็หาใช่เป็นกรณีกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72ไม่
พิพากษายืน