คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6473/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1727 วรรคหนึ่ง ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควรก็ได้ แต่เหตุที่ผู้คัดค้านยกขึ้นอ้างว่าทรัพย์สินตามคำร้องมิใช่ทรัพย์ของเจ้ามรดกแต่เป็นของผู้คัดค้าน มิใช่เหตุตามกฎหมายดังกล่าวอันจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากวันที่ 24 กันยายน 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางณัฐกฤตา อสุนี ณ อยุธยา ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุริเยศ อสุนี ณ อยุธยา เจ้ามรดก
ต่อมานายทองเจือ อสุนี ณ อยุธยา ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านขอให้เพิกถอนคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกด้วยเหตุที่ผู้ร้องระบุทรัพย์สินของผู้คัดค้านเป็นทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก และผู้ร้องไม่นำผู้คัดค้านไปเบิกความเป็นพยานในชั้นไต่สวนคำร้อง ซึ่งเหตุดังกล่าวมิใช่เหตุตามกฎหมายที่จะเพิกถอนผู้จัดการมรดกได้ จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องไม่ได้แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า มีเหตุสมควรถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านฎีกาว่า การที่ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินและรถยนต์ตามสำเนาโฉนดที่ดินและสำเนารายการจดทะเบียนเจ้าของรถเอกสารหมาย ร.6 และ ร.7 เป็นของเจ้ามรดก ซึ่งความจริงทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะใช้สิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก ขอให้ศาลถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกนั้น เห็นว่า ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่าผู้ร้องมิใช่ทายาหรือมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดก หรือผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกแต่ประการใด ผู้คัดค้านอ้างแต่เพียงว่าที่ดินและรถยนต์ที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นของเจ้ามรดกเป็นของผู้คัดค้านขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกโดยเหตุที่ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกมาแบ่งปันกันระหว่างทายาท หากบุคคลใดเห็นว่าทรัพย์สินที่ผู้จัดการมรดกรวบรวมมาแบ่งปันกันระหว่างทายาท มิใช่ของเจ้ามรดก บุคคลนั้นก็ชอบที่จะว่ากล่าวคัดค้านเอาแก่ผู้จัดการมรดกในชั้นรวบรวมแบ่งทรัพย์มรดกให้ ทรัพย์สินที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นของเจ้ามรดกอาจจะมิใช่ทรัพย์สินของเจ้ามรดกก็เป็นได้ การโต้แย้งกันระหว่างผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินกับผู้จัดการมรดกก็ต้องว่ากล่าวกันอีกต่างหากสิทธิของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์มีอยู่อย่างใดก็คงมีอยู่อย่างนั้น มิได้เสียไปแต่ประการใด เนื่องจากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 วรรคหนึ่ง ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควรก็ได้ แต่เหตุที่ผู้คัดค้านยกขึ้นอ้างเป็นเรื่องคัดค้านว่าทรัพย์สินตามคำร้องมิใช่ทรัพย์ของเจ้ามรดกแต่เป็นของผู้คัดค้าน จึงมิใช่เหตุตามกฎหมายดังกล่าวอันจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องอ้างผู้คัดค้านเป็นพยานแต่มิได้นำผู้คัดค้านเข้ามาในคดีเพื่อเบิกความพยานเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั้น เห็นว่า ในชั้นยื่นคำร้องขอจัดการทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกผู้ร้องก็ระบุว่าผู้คัดค้านเป็นทายาทของเจ้ามรดก และอ้างผู้คัดค้านเป็นพยานผู้ร้องด้วย แม้ต่อมาจะมิได้นำผู้คัดค้านมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลก็เป็นสิทธิของผู้ร้องที่จะนำผู้ใดมาเบิกความเป็นพยานผู้ร้อง ผู้ร้องหาจำต้องสืบพยานผู้ร้องตามบัญชีระบุพยานที่เสนอต่อศาลทั้งหมดไม่ ดังนั้น การที่ผู้ร้องอ้างผู้คัดค้านเป็นพยานของผู้ร้อง แต่มิได้นำผู้คัดค้านมาเบิกความต่อศาล ผู้คัดค้านย่อมไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทำให้ผู้คัดค้านเสียหาย ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้คัดค้านนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share