แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมพบซองถ่ายรูปของร้านจำเลยจากการค้นห้องของนาย ย.จำเลยในคดีละเมิดลิขสิทธิ์คดีอื่น แต่โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบว่าในการสืบสวนว่าร้านถ่ายรูปของจำเลยเป็นผู้ปลอมปกเทปนั้นมีข้อเท็จจริงและหลักฐานรายละเอียดแห่งความผิดใดที่เกี่ยวข้องมาถึงจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(10) และมาตรา 17 และจำเลยเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับนาย ย. อย่างไร ร้านของจำเลยเป็นร้านถ่ายรูปเช่นร้านถ่ายรูปทั่วๆ ไป ตั้งอยู่ในที่เปิดเผยมีชื่อติดอยู่หน้าร้าน และมีตัวอักษรเขียนข้อความการให้บริการว่าล้างอัดภาพสีด่วน จึงเป็นสถานที่ที่ผู้ใดก็สามารถว่าจ้างล้างอัดภาพสีได้ เครื่องล้างและอัดภาพที่ร้านของจำเลยมีคุณภาพสูงย่อมเป็นที่แสวงหาของคนร้ายที่ประสงค์จะทำปกเทปเพลงปลอมให้เหมือนของจริงมากที่สุด ในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าค้นร้านของจำเลยจำเลยก็ให้ค้นแต่โดยดี ช่างในร้านกำลังล้างภาพสีอยู่ เครื่องอัดกำลังอัดภาพปกเทปเพลงของผู้เสียหายที่2อยู่มีภาพปกเทปเพลงที่อัดเสร็จแล้ววางอยู่ข้างเครื่องอัดภาพจำนวน 2,520 แผ่น มีแผ่นฟิล์ม 4 ชุด วางอยู่บนเครื่องอัดส่วนประตูกระจกเข้าร้านก็ไม่มีการล็อกไว้ เครื่องอัดภาพวางอยู่ในร้านชั้นล่างอย่างเปิดเผย จำเลยรับงานมาทำในทางการค้าโดยปกติ ได้ค่าจ้างในอัตราปกติและทำงานในเวลาปกติและเปิดเผย ลูกจ้างของจำเลยเป็นผู้รับคำสั่งอัดรูปจากนาย จ. ซึ่งเป็นผู้นำฟิล์มปกเทปเพลงมาเอง จึงมีเหตุผลทำให้จำเลยเข้าใจว่านาย จ. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฟิล์ม ปกเทปเพลงที่นำมาว่าจ้างให้จำเลยอัดรูปหรือได้รับมอบหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในปกเทปเพลงให้มาว่าจ้างจำเลยอัดรูป พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบยังไม่พอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์แก่งานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม
ขณะที่เจ้าพนักงานกำลังตรวจค้นร้านถ่ายรูปของจำเลยเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพปกเทปเพลงอยู่นั้นนายพ. ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างนำกล่องกระดาษเข้ามาในร้านจำเลยจำนวน 2 กล่อง เพื่อส่งให้จำเลย แต่จำเลยบอกว่าไม่ใช่ของจำเลย ปรากฏว่าในกล่องมีเทปเพลงบรรจุอยู่เต็มทั้งสองกล่อง จำนวน 157 ม้วน เจ้าพนักงานจึงยึดไว้เป็นของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมไว้ดังนี้ การยึดเทปของกลางและทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมว่าเป็นของกลางที่ตรวจค้นได้ในร้านของจำเลยจึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงและไม่อาจรับฟังได้ว่าเทปเพลงของกลางเป็นของที่ยึดได้จากการตรวจค้นร้านของจำเลยเทปของกลางที่เจ้าพนักงานยึดมาดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯมาตรา 26 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเทปเพลงของกลางที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไว้เพื่อขายโดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเทปเพลงดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ผู้เสียหายที่ 1 เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานศิลปกรรมภาพพิมพ์ ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวิธีทางการพิมพ์ปรากฏบนปกเทปเพลง และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์อันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรีโดยบันทึกลงในวัสดุอันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องบันทึกและเล่นเทป ผู้เสียหายทั้งสี่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) และได้โฆษณางานต่าง ๆ ดังกล่าวครั้งแรกในประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2541 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ (ก) ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยได้บังอาจละเมิดลิขสิทธิ์ในงานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปของผู้เสียหายที่ 1 ด้วยการทำซ้ำและดัดแปลงโดยใช้กล้องถ่ายภาพบันทึกภาพงานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปของผู้เสียหายที่ 1 ลงในฟิล์มแล้วใช้เครื่องอัดรูปหรือเครื่องอัดภาพทำการอัดรูปหรือภาพจากฟิล์มดังกล่าวลงบนกระดาษที่ใช้สำหรับอัดรูปหรือภาพจนปรากฏภาพงานศิลปกรรมภาพพิมพ์ของผู้เสียหายที่ 1 บนกระดาษดังกล่าวเพื่อใช้ทำปกเทปเพลงชื่ออัลบั้มตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1 จำนวน 1,720 แผ่น ซึ่งเป็นการทำซ้ำและดัดแปลงในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายที่ 1 เพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และ (ข) ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้บังอาจละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ของผู้เสียหายทั้งสี่โดยมีไว้ซึ่งสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ที่บันทึกเพลงและลำดับของเสียงดนตรีต่าง ๆ ซึ่งมีผู้ทำซ้ำจากสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง)ของผู้เสียหายทั้งสี่ตามบัญชีเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึง 5 โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสี่รวมจำนวนทั้งสิ้น 157 ม้วนเพื่อขายแก่บุคคลทั่วไปอันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรทางการค้าโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ที่จำเลยมีไว้ดังกล่าวเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสี่ และโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายทั้งสี่อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในอายุความแล้ว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31, 69, 70, 75, และ 76ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 และ 91 และสั่งให้ภาพถ่ายของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 1,720 แผ่นและเทปเพลงของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 157 ม้วน ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์กับให้ริบเครื่องอัดรูปหรือเครื่องอัดภาพ 1 เครื่อง ฟิล์มบันทึกภาพ 4 ชุด และกระดาษบันทึกรายชื่อศิลปินและชื่อชุดงาน 1 แผ่นด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด ผู้เสียหายที่ 1ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27, 28, 31, 69 วรรคสอง และ 70 วรรคสอง (ที่ถูกเป็นมาตรา 27 และ 69 วรรคสอง กับมาตรา 31 และ 70 วรรคสอง) ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้นในงานศิลปกรรมเพื่อการค้า (ที่ถูกเป็นฐานละเมิดลิขสิทธิ์โดยกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์เพื่อการค้า) จำคุก 2 เดือน และปรับ100,000 บาท ส่วนฐานละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรองในงานสิ่งบันทึกเสียงเพื่อการค้า(ที่ถูกเป็นฐานละเมิดลิขสิทธิ์โดยกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า) ให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 100,000 บาท รวมจำคุก 1 ปีและปรับ 200,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน และพิเคราะห์ข้อเท็จจริงแห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ในกรณีกักขังแทนค่าปรับ ให้กักขังไม่เกิน 1 ปี ให้ภาพถ่ายของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 1,720 แผ่น และเทปเพลงของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน157 ม้วน ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์จ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4 กับให้ริบเครื่องอัดรูปหรือภาพ 1 เครื่องฟิล์มสีที่ล้างแล้ว 4 ชุด และกระดาษบันทึกรายชื่อศิลปินและชื่อชุดงาน 1 แผ่นด้วย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2541 โจทก์ร่วมได้นำเจ้าพนักงานตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจไปจับนายยุทธนามีฤทธิ์ ที่ห้องพักของนายยุทธนา ย่านนวนคร จังหวัดปทุมธานี พบเทปเพลงและปกเทปเพลงปลอมจำนวนมาก นอกจากนี้ยังค้นพบซองถ่ายรูปของร้านกีน่าโฟโต้แล็ปจากการสืบสวนทราบว่าร้านกีน่าโฟโต้แล็ปเป็นผู้ปลอมปกเทปให้แก่ผู้ทำเทปปลอมทั้งหลาย โจทก์ร่วมจึงร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ และได้ขอหมายค้น นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจยังได้จับนายโกศลหรือหมึก กุศล ดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม นายโกศลได้ให้การรับสารภาพในคดีดังกล่าว โจทก์ร่วมได้สอบถามนายโกศลได้ความว่านายโกศลสั่งปกเทปเพลงจากร้านของจำเลย ต่อมาในวันที่ 4 มิถุนายน 2541 เวลาประมาณ11 ถึง 12 นาฬิกา โจทก์ร่วมพร้อมเจ้าพนักงานตำรวจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมกันไปตรวจค้นที่ร้านกีน่าโฟโต้แล็ปซึ่งเป็นร้านถ่ายรูป ค้นพบเครื่องอัดภาพสียี่ห้อโคนิก้า จำนวน 1 เครื่อง กำลังทำงานอัดภาพปกเทปเพลงของบริษัทแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้เสียหายที่ 2อยู่ ตามภาพปกเทปเพลงที่ขับร้องโดยนายปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล (Peter CorpDyrendal) หมาย จ.44 และตรวจค้นพบภาพปกเทปเพลงที่อัดแล้วจำนวน2,520 แผ่น ซึ่งมีปกเทปเพลงของโจทก์ร่วมรวมอยู่ด้วยจำนวน 1,720 แผ่นและเป็นปกเทปเพลงของผู้เสียหายที่ 2 และบริษัทอื่น ๆ อีก เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ยึดเป็นของกลางและจับจำเลย ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.45 เจ้าพนักงานตำรวจพบแผ่นฟิล์มจำนวน 4 ชุด ซึ่งวางอยู่บนเครื่องอัดโคนิก้า แผ่นกระดาษพับที่เก็บแผ่นฟิล์มดังกล่าวได้ประทับตราชื่อร้านกีน่าโฟโต้แล็ปไว้ ตามวัตถุพยานหมาย จ.46 ถึง จ.49 และพบเอกสารซึ่งรับคำสั่งในการทำปกเทปเพลง ตามแผ่นกระดาษเอกสารหมาย จ.50 ของกลางปกเทปเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดมาปรากฏตามวัตถุพยานหมาย จ.51 ถึง จ.70 ในขณะที่ตรวจค้นนั้นนายพรวิชัย ชูวิเชียรคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างได้ขับรถจักรยานยนต์นำกล่องกระดาษเข้ามาในร้านที่เกิดเหตุจำนวน 2 กล่อง ว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์ ประศาสน์ครุการ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมสอบถามนายพรวิชัยได้ความว่านายพรวิชัยนำของมาส่งที่ร้านของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจึงขอตรวจดู ปรากฏว่าเป็นสิ่งบันทึกเสียงจำพวกเทปคาสเซตที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมรวมอยู่ด้วยจำนวน 74 ม้วน จึงทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมไว้ตามเอกสารหมาย จ.45 โจทก์ร่วมได้ชี้ยืนยันให้เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยในข้อหาทำซ้ำดัดแปลง เผยแพร่งานศิลปกรรมปกเทป จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสิ่งบันทึกเสียงประเภทคาสเซตเทปที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในสิ่งบันทึกเสียงเทปเพลง ตามเทปคาสเซตวัตถุพยานหมาย จ.3 ถึง จ.22 และศิลปกรรมปกเทปเพลงวัตถุพยานหมาย จ.23 ถึง จ.42 ส่วนบริษัทแกรมมี่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดบริษัทมอร์มิวสิค จำกัด และบริษัทเมกเกอร์เฮด จำกัด ผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4กับโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเทปเพลงตามหนังสือยืนยันลิขสิทธิ์เพลงและภาพถ่ายปกเทปเพลงเอกสารหมาย จ. 92 ถึง จ.110
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นควรวินิจฉัยในปัญหาข้อแรกก่อนว่า จำเลยได้กระทำความผิดในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในงานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปของโจทก์ร่วมเพื่อการค้าหรือไม่โจทก์และโจทก์ร่วมมีว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์ ประศาสน์ครุการ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมมาเบิกความว่า จากการตรวจค้นห้องพักของนายยุทธนา มีฤทธิ์ ได้ค้นพบซองถ่ายรูปของร้านกีน่าโฟโต้แล็ป และจากการสืบสวนทราบว่า ร้านกีน่าโฟโต้แล็ปเป็นผู้ปลอมปกเทปให้แก่ผู้ทำเทปปลอม หลังจากนั้นโจทก์ร่วมจึงไปร้องทุกข์และเจ้าพนักงานตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมาค้นร้านของจำเลย โดยโจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบเลยว่าในการสืบสวนนั้นมีข้อเท็จจริงและหลักฐานรายละเอียดแห่งความผิดใดที่เกี่ยวข้องมาถึงจำเลยตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(10) และมาตรา 17 การค้นพบซองรูปถ่ายและหัวกระดาษซึ่งมีชื่อร้านของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.5 และ จ. 124 หรือการที่โจทก์ร่วมได้รับทราบจากนายโกศลว่านายโกศลสั่งปกเทปเพลงจากร้านของจำเลยก็เป็นเพียงเบาะแสที่ทำให้ทราบได้ว่านายยุทธนาและนายโกศลติดต่อทำปกเทปเพลงจากร้านของจำเลยเท่านั้น เมื่อปรากฏในทางนำสืบของโจทก์ว่าร้านของจำเลยเป็นร้านถ่ายรูปเช่นร้านถ่ายรูปทั่ว ๆ ไป สถานที่ตั้งร้านอยู่ในที่เปิดเผย มีชื่อติดอยู่หน้าร้าน และมีตัวอักษรเขียนข้อความการให้บริการว่าล้างอัดภาพสีด่วน สถานที่ตั้งร้านของจำเลยจึงเป็นสถานที่ที่ผู้ใดก็สามารถมาว่าจ้างล้างอัดภาพสีได้ ว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์พยานโจทก์และโจทก์ร่วมเบิกความว่า เครื่องล้างและอัดภาพที่ร้านของจำเลยเป็นเครื่องที่มีคุณภาพสูง ก็ยิ่งเป็นข้อยืนยันให้เห็นได้ว่าคนร้ายที่ประสงค์จะทำปกเทปเพลงปลอมย่อมต้องแสวงหาเครื่องล้างอัดภาพที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้การทำปกเทปเพลงปลอมมีคุณภาพให้เหมือนของจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่เข้าตรวจค้นร้านของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจได้แสดงหมายค้นจำเลยก็ให้ค้นแต่โดยดี ในขณะนั้นช่างผู้ชายในร้านของจำเลยกำลังทำหน้าที่ล้างภาพสีอยู่ พบเครื่องอัดภาพสียี่ห้อโคนิก้าจำนวน 1 เครื่อง อยู่ในสภาพกำลังทำงานโดยอัดภาพปกเทปอยู่ ภาพปกเทปที่กำลังอัดอยู่เป็นปกเทปเพลงของบริษัทแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งมีนายปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล(Peter Corp Dyrendal) เป็นศิลปินตามวัตถุพยานหมาย จ.44 และมีภาพปกเทปเพลงที่อัดเสร็จแล้ววางอยู่ข้างเครื่องอัดภาพจำนวน 2,520 แผ่นพบแผ่นฟิล์ม จำนวน 4 ชุด ตามวัตถุพยานหมาย จ.46 ถึง จ.49 วางอยู่บนเครื่องอัดโคนิก้า ในการเข้าตรวจค้นร้านของจำเลย ว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานได้เปิดประตูกระจกเข้าไปโดยขณะนั้นไม่มีการล็อกประตูกระจกไว้ การที่ร้านของจำเลยอัดภาพปกเทปเพลงเป็นจำนวนมาก โดยเครื่องอัดภาพวางอยู่ในร้านชั้นล่างอย่างเปิดเผย ได้ทำงานในเวลากลางวันอันเป็นเวลาทำงานตามปกติ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าออกได้โดยการเปิดประตูกระจกเข้าไป และในขณะที่กำลังอัดภาพปกเทปเพลงของกลางก็ไม่ได้มีการล็อกประตูร้านแต่อย่างใด แสดงให้เห็นพฤติการณ์ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยรับจ้างล้างอัดภาพตามปกติของร้านกีน่าโฟโต้แล็ปของจำเลยเท่านั้นนายธานี มานิล พยาน โจทก์ร่วมเบิกความว่า ในการตรวจค้นห้องพักของนายยุทธนา มีฤทธิ์ พบเทปคาสเซตที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนหนึ่งเทปเปล่า ภาพปกเทปที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนหนึ่ง มีวิทยุเทปที่สามารถอัดเทปได้จำนวนหลายเครื่อง มีมาสเตอร์เทปของโจทก์ร่วม และมีใบรับภาพถ่ายที่อัดจากร้านของจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.124 และนายยุทธนาได้ให้การรับสารภาพในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง)โดยทำซ้ำภาพปกเทปเพลงและสิ่งบันทึกเสียง ในคดีดังกล่าวมีปกเทปเพลงที่ยึดได้เป็นของกลางจำนวน 1,264 แผ่น และของกลางอื่นอีกจำนวนมากตามสำเนาคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1175/2541 เอกสารหมาย จ.76กรณีจึงเป็นที่เห็นได้ว่าปกเทปเพลงของกลางในคดีดังกล่าวเป็นสิ่งที่นายยุทธนาได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ แต่โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบว่าจำเลยเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับนายยุทธนาอย่างไรมาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่านายยุทธนาได้ให้การซัดทอดว่าจำเลยร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่อย่างไร และเมื่อปรากฏว่าเอกสารหมาย จ.124 ระบุข้อความว่า “อัด 300 รูป มัดจำ 200 บาท ค้าง 850 บาท”แล้ว ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าค่าจ้างอัดรูปมีราคารูปละ 3.50 บาท อันเป็นราคาปกติโดยทั่วไปซึ่งตรงกับราคาในแผ่นกระดาษคิดราคาตามเอกสารหมาย จ.50ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้จากการตรวจค้นร้านของจำเลยในวันเกิดเหตุ อันเป็นเอกสารรายการสั่งอัดรูป โดยระบุข้อความว่า “2800 ใบ x 3.50” ซึ่งคิดเป็นเงินจำนวน9,800 บาท พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวจึงเจือสมกับทางนำสืบของจำเลยซึ่งมีตัวจำเลยและนายเสนาะ ใจดีคนงานในร้านของจำเลยเบิกความในทำนองเดียวกันว่า จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างถ่ายรูป ล้างและอัดรูป และถ่ายเอกสาร ร้านของจำเลยตั้งอยู่ในชุมชน เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม2541 ได้มีชายคนหนึ่งชื่อนายโจไม่ทราบนามสกุล มาสั่งอัดรูป จำนวน 300 รูป โดยนำฟิล์มที่ล้างแล้วมาให้อัด และสั่งให้อัดรูปขนาด 4×6 นิ้ว จำเลยตกลงรับอัดรูปให้ในราคาใบละ 3.50 บาท รวมเป็นเงิน 1,050 บาท นายโจได้วางมัดจำไว้จำนวน 200 บาท คงค้างชำระจำนวน 850 บาท และนัดจะมารับรูปในวันรุ่งขึ้นตามใบรับเอกสารหมาย จ.124 ในวันรุ่งขึ้นนายโจก็มารับรูปไป และนายโจบอกว่าจะสั่งอัดรูปอีกโดยจะโทรศัพท์มาสั่ง และได้ทิ้งฟิล์มไว้ที่ร้านของจำเลย ต่อมาวันที่ 3 มิถุนายน 2541 นายโจได้โทรศัพท์มาสั่งอัดรูป จำเลยเป็นคนรับโทรศัพท์เมื่อจำเลยทราบว่านายโจจะสั่งอัดรูปก็ได้ให้นายเสนาะคนงานของจำเลยรับคำสั่งจากนายโจ นายโจได้สั่งอัดรูปจำนวนรวม 2,000 รูป นายเสนาะจดชื่อเพลงที่นายโจสั่งอัด โดยนายโจจะมารับรูปในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นนายเสนาะก็อัดรูปตามคำสั่งของนายโจ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็อัดรูปเสร็จ ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 4มิถุนายน 2541 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา นายโจได้โทรศัพท์มาที่ร้านของจำเลยและได้สั่งให้นายเสนาะอัดรูปเพิ่มอีกจำนวน 800 รูป โดยบอกให้นายเสนาะอัดรูปปกเทปเพลงอะไรก็ได้จำนวนรวม 800 รูป นายโจได้สอบถามราคาค่าอัดรูปด้วยและนายโจแจ้งว่ากำลังเดินทางมา ในขณะนั้นนายโจบอกว่าอยู่ที่แบงค์เพื่อเบิกเงินมาจ่ายค่ารูป นายเสนาะได้คำนวณราคาค่ารูปจำนวนทั้งสิ้น 9,800 บาท และได้จดไว้ในแผ่นกระดาษเอกสารหมาย จ.50 หลังจากนั้นประมาณ 20 นาทีเจ้าพนักงานตำรวจก็เข้าตรวจค้นร้านของจำเลย ดังนี้การที่จำเลยซึ่งมีอาชีพรับจ้างและมีร้านค้ารับจ้างถ่ายรูปล้างและอัดรูป และถ่ายเอกสาร ได้รับงานมาทำในทางการค้าโดยปกติได้ค่าจ้างในอัตราปกติ และทำงานในร้านในเวลาปกติและเปิดเผย ทั้งในการรับคำสั่งอัดรูปก็ปรากฏจากคำเบิกความของนายเสนาะว่านายเสนาะเป็นผู้รับคำสั่งอัดรูปจากนายโจเอง ทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมก็มิได้มีพยานหลักฐานมาสืบว่าจำเลยเป็นผู้จัดทำฟิล์มที่นำมาอัดปกเทปเพลงแต่อย่างใด แต่กลับปรากฏในทางนำสืบของจำเลยว่าฟิล์มปกเทปเพลงที่นำมาจ้างจำเลยอัดภาพนั้นนายโจเป็นคนนำมาให้จำเลยเอง จึงมีเหตุผลเป็นไปได้ว่าจำเลยเข้าใจว่านายโจเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฟิล์มปกเทปเพลงที่นำมาว่าจ้างให้จำเลยอัดรูปหรือได้รับมอบหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในปกเทปเพลงดังกล่าวให้มาว่าจ้างจำเลยอัดรูป พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบยังไม่พอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์แก่งานศิลปกรรมภาพพิมพ์ปกเทปอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ของโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4 โดยมีไว้ซึ่งสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง) ซึ่งมีผู้ทำซ้ำจากสิ่งบันทึกเสียง(เทปเพลง) อันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4 โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมและผู้เสียหายที่ 2 ถึงที่ 4 จำนวน 157 ม้วน เพื่อขายแก่บุคคลทั่วไปอันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรและเพื่อการค้าหรือไม่ปรากฏในทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า ขณะที่เจ้าพนักงานกำลังตรวจค้นร้านของจำเลยอยู่นั้น นายพรวิชัย ชูวิเชียร คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างได้นำกล่องกระดาษเข้ามาในร้านของจำเลยจำนวน 2 กล่อง อ้างว่ามีนางน้อยไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นคนขายเทปอยู่ที่ลานจอดรถหน้าห้างคาร์ฟูร์ได้ว่าจ้างให้นำกล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง ซึ่งบรรจุเทปเพลงมาส่งที่ร้านของจำเลย โดยได้ค่าจ้างจำนวน 150 บาท นายพรวิชัยเบิกความตอบคำถามติงว่า เมื่อจอดรถจักรยานยนต์ที่หน้าร้านกีน่าโฟโต้แล็ปแล้วก็ใช้มือทั้งสองถือกล่องกระดาษ 2 กล่องดังกล่าวเดินไปที่ประตูหน้าร้านแล้วใช้ไหล่ผลักประตูเข้าไปโดยบอกว่าเป็นเทปมีคนว่าจ้างให้มาส่งที่ร้านนี้ ผู้หญิงที่อยู่ในร้านใส่เสื้อสีเหลืองแขนยาว ตามภาพถ่ายหมาย จ.80 ได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและค้นกล่องกระดาษ 2 กล่อง นั้นทันที ปรากฏตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมตามเอกสารหมาย จ.45 ว่า เจ้าพนักงานได้ระบุเทปที่ยึดได้ไว้เป็นของกลางในลำดับที่ 5 และทำบันทึกไว้ว่าของกลางลำดับที่ 5 พบในขณะตรวจค้นโดยมีคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างชื่อนายพรวิชัย ชูวิเชียร นำของกลางดังกล่าวมาส่งที่ร้าน ว่าที่ร้อยตรีสุทธิศักดิ์ประศาสน์ครุการ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ร่วมและนายประสิทธิ์รวมสินเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงชี้ให้ยึดของกลางไว้และจับตัวจำเลยเป็นผู้ต้องหาและกล่าวหาว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าด้วยการมีไว้เพื่อขายและเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานสิ่งบันทึกเสียง (เทปเพลง)ที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้ามาในร้านประมาณครึ่งชั่วโมง มีชายซึ่งขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านและท้ายรถจักรยานยนต์มีกล่องกระดาษซึ่งมีข้อความว่า “ออนป้า” จำนวน 2 กล่อง วางอยู่ซึ่งจำเลยไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ชายคนนั้นยืนอยู่หน้าร้านสักครู่ เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในร้านได้กวักมือไปที่ชายคนนั้น แล้วเปิดประตูไปสอบถามชายคนนั้นว่า เอากล่องมาส่งของที่นี่ใช่หรือไม่ หลังจากนั้นชายคนนั้นก็ถือกล่องกระดาษ 2 กล่องเข้ามาในร้านเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้สอบถามว่า เอาเทปมาส่งใช่หรือไม่ จำเลยจึงพูดว่าไม่ใช่ของที่นี่เจ้าหน้าที่เปิดกล่องกระดาษออกและมีการถ่ายรูปไว้ ปรากฏว่าในกล่องเป็นเทปเพลงบรรจุอยู่เต็มทั้งสองกล่อง จากพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบและจากคำเบิกความของจำเลย เทปเพลงของกลางจำนวน 157 ม้วน เป็นของกลางที่มีข้อโต้แย้ง เพราะในขณะตรวจค้นของกลางนี้ไม่ใช่ของที่อยู่ในร้านของจำเลย หรือมีอยู่แล้วก่อนตรวจค้น แต่เป็นของที่นายพรวิชัยนำมาในร้านของจำเลยในขณะมีการตรวจค้นร้านของจำเลยเมื่อจำเลยอ้างในขณะนั้นว่าของที่นำมาส่งดังกล่าวไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้การยึดเทปของกลางไว้และทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมไว้ในลำดับที่ 5ตามเอกสารหมาย จ.45 ว่าเป็นของกลางที่ตรวจค้นได้ในร้านของจำเลยนั้นจึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงดังกล่าวและไม่อาจรับฟังได้ว่าเทปเพลงของกลางเป็นของที่ยึดได้จากการตรวจค้นร้านของจำเลย เทปของกลางที่เจ้าพนักงานยึดมาดังกล่าวไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำความผิดได้ตามนัยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเทปเพลงของกลางที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไว้เพื่อขายโดยรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเทปเพลงดังกล่าวได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ของกลางให้คืนเจ้าของ