แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มูลหนี้ค่าจ้างว่าความในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามขอ สิทธิของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันด้วยกันจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายในลำดับก่อนหลังกัน ย่อมต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 130 (1) ถึง (7) เมื่อค่าจ้างว่าความของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มิใช่ค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินอย่างหนึ่งอย่างใดตาม (1) ถึง (6) ที่อยู่ในลำดับที่จะให้ได้รับชำระก่อนหนี้อื่นตาม (7) ของบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าจ้างว่าความตามมาตรา 130 (7) ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลย (ลูกหนี้) ที่ 1 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2545
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าจ้างว่าความเป็นเงินจำนวน 3,150,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดบรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน 3,150,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ตามมาตรา 130 (7) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ตามขอ
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ว่า คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นค่าจ้างว่าความตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130 (7) ไม่ชัดแจ้งและไม่ถูกต้อง เพราะหนี้ดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายของเจ้าหนี้ที่ได้เตรียมการฟ้องร้อง ค่าเอกสาร แก้อุทธรณ์ รับรองเอกสาร ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าพาหนะ ค่าถ่ายเอกสาร เงินเดือนพนักงานธุรการและค่าวิชาชีพทนายความของเจ้าหนี้ที่ใช้จ่ายไปในการดำเนินคดีเพื่อรักษาสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ที่ 1 และทำให้ได้มาซึ่งสิทธิเรียกร้องจำนวน 16,000,000 บาท เป็นกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 อันเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายทุกคนมิใช่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้คนเดียวเท่านั้น หนี้ดังกล่าวจึงเป็นบุริมสิทธิในมูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันหรือรักษาสิทธิเรียกร้องให้กับลูกหนี้ที่ 1 และเกิดจากศีลธรรมอันดีของเจ้าหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นนั้น เห็นว่า เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มูลหนี้ค่าจ้างว่าความในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามขอ สิทธิของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันด้วยกันจะมีสิทธิได้รับการชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายในลำดับก่อนหลังกัน ย่อมต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130 ซึ่งบัญญัติว่า “ในการแบ่งทรัพย์สินให้แก่เจ้าหนี้นั้น ให้ชำระค่าใช้จ่ายและหนี้สินตามลำดับดังต่อไปนี้
(1) ค่าใช้จ่ายในการจัดการมรดกของลูกหนี้
(2) ค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้
(3) ค่าปลงศพลูกหนี้ตามสมควรแก่ฐานานุรูป
(4) ค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินตามมาตรา 179 (3)
(5) ค่าธรรมเนียมของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และค่าทนายความตามที่ศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนด
(6) ค่าภาษีอากรที่ถึงกำหนดชำระภายในหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เพื่อการงานที่ได้ทำให้ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้างตามมาตรา 257 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
(7) หนี้อื่นๆ”
ดังนี้ เมื่อค่าจ้างว่าความของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มิใช่ค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินอย่างหนึ่งอย่างใดตาม (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ที่อยู่ในลำดับที่จะให้ได้รับชำระก่อนหนี้อื่นตาม (7) ของบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าจ้างว่าความตามมาตรา 130 (7) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งชัดแจ้งอยู่แล้วนั้นจึงชอบแล้ว ฎีกาของเจ้าหนี้พังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน