แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องสอดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) มีลักษณะเป็นคำฟ้องตามมาตรา 1(3) จึงต้องแสดง โดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามมาตรา 172 วรรคสองและเมื่อผู้ร้องสอดได้เข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1)แล้วย่อมมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดี เรื่องใหม่ตามมาตรา 58 เมื่อคำร้องสอดของผู้ร้องไม่มี คำขอบังคับ จึงไม่อาจทราบได้ว่าผู้ร้องสอดจะขอเข้ามาเป็นโจทก์ หรือจำเลย คำร้องสอดของผู้ร้องสอดเพียงแต่แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาเท่านั้น แต่ไม่มีคำขอบังคับโดยชัดแจ้ง หรือมีคำขอบังคับอยู่ในตัวว่าอย่างไร จึงเป็นคำร้องสอด ที่ไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 67/2ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 589 ของโจทก์และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะขนย้ายครอบครัวและบริวารออกไปจากที่ดินและส่งมอบแก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ก่อนสืบพยานโจทก์ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความโดยอ้างว่า บ้านพิพาทที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างบนที่ดินของโจทก์เป็นของผู้ร้องสอดซึ่งได้ปลูกสร้างขึ้นบนที่ดินของโจทก์นานนับสิบปีแล้วโดยความยินยอมของโจทก์ การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากโจทก์ชนะคดีและศาลมีคำพิพากษาตามคำขอของโจทก์ย่อมกระทบกระเทือนสิทธิของผู้ร้องสอด โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือผู้หนึ่งผู้ใดให้รื้อถอนบ้านพิพาท ขอศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องสอด ต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม คำร้องสอดเป็นเสมือนคำฟ้องต้องมีคำขอบังคับด้วย แต่คำร้องสอดของผู้ร้องสอดไม่มีคำขอบังคับ จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา มีคำสั่งไม่รับคำร้องสอด
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) ซึ่งคำร้องสอดตามมาตรา 57(1) มีลักษณะเป็นคำฟ้องตามมาตรา 1(3) จึงมิใช่เป็นเพียงคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีเท่านั้น ดังนั้น คำร้องสอดดังกล่าวจึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามมาตรา 172 วรรคสอง ทั้งนี้เพราะเมื่อผู้ร้องสอดได้เข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1) แล้วย่อมมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่า ตนได้ฟ้องคือโจทก์หรือถูกฟ้องคือจำเลยเป็นคดีเรื่องใหม่ตามมาตรา 58 เมื่อไม่มีคำขอบังคับ จึงไม่อาจทราบได้ว่า จะขอเข้ามาเป็นโจทก์หรือจำเลย อันไม่อาจบังคับให้ได้ดังนั้น ตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดเพียงแต่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาเท่านั้น ไม่มีคำขอบังคับโดยชัดแจ้งหรือมีคำขอบังคับอยู่ในตัวว่าอย่างไร จึงเป็นคำร้องสอดที่ไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา
พิพากษายืน