คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6444/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกและรับเงินจาก พ. ที่บริเวณโต๊ะหินม้านั่งภายในบริเวณศาล โดยแอบอ้างว่าจะนำไปวิ่งเต้นคดีอาญากับผู้พิพากษาหัวหน้าศาลซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเรียกและรับเงินจากฝ่ายจำเลย อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย ถือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1)ประกอบด้วยมาตรา 33 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยและนางพรศรี หนันเผือก ภรรยาจำเลยร้องเรียนต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลว่า นายเชษฐา ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ สำนักงานอัยการได้เรียกร้องเงินจำนวน10,000 บาท จากภรรยาจำเลย และได้ส่งเงินให้ผู้ถูกกล่าวหาที่โต๊ะหินในบริเวณศาลอ้างว่าจะนำไปวิ่งเต้นคดีกับผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกและรับเงินในบริเวณศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1) อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 6 เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกและรับเงินจากนางพรศรีจำนวน 10,000 บาท ที่บริเวณโต๊ะหินม้านั่งภายในบริเวณศาลชั้นต้นโดยแอบอ้างว่าจะนำไปวิ่งเต้นคดีกับผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเรียกและรับเงินจากฝ่ายจำเลย อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายถือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ประกอบด้วยมาตรา 33 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
พิพากษายืน

Share