แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทตามสัญญาขายสิทธิการเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งก่อให้เกิดหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ดำเนินการโอนสิทธิการเช่า โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้ แต่การโอนสิทธิการเช่าจะมีผลต่อเมื่อผู้ให้ยินยอมเสียก่อนจึงจะโอนกันได้ จะถือเอาคำพิพากษาบังคับผู้ให้เช่ายอมให้โจทก์เช่าห้องพิพาทไม่ได้ ต้องพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายอมโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิการเช่าอาคารสองชั้นครึ่งเลขที่ 526 จากสำนักงานบำรุงการทหาร จังหวัดทหารบกลพบุรีจำเลยทำสัญญาจะโอนสิทธิการเช่าอาคารดังกล่าวให้แก่โจทก์ ในราคา640,000 บาท โจทก์วางเงินมัดจำจำนวน 188,000 บาท เมื่อถึงวันกำหนดนัดไปดำเนินการโอนสิทธิการเช่าอาคารที่สำนักงานบำรุงการทหารจังหวัดทหารบกลพบุรี จำเลยไม่ไปดำเนินการโอนให้โจทก์จึงนำเงินจำนวน 452,000 บาท ไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ศาลจังหวัดลพบุรีการที่จำเลยผิดนัดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาดรายได้ ขอให้บังคับจำเลยไปดำเนินการโอนสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์เลขที่ 526ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรีณ ที่สำนักงานบำรุงการทหาร จังหวัดทหารบกลพบุรี ให้แก่โจทก์และรับเงินจำนวน 452,000 บาท ภายใน 7 วัน นับแต่ศาลมีคำพิพากษาหากจำเลยไม่ยอมไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและจำนวนเงินที่ค้างชำระ 452,000 บาท หากจำเลยไม่ยอมรับ โจทก์สามารถวางทรัพย์ โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 2,800 บาท และค่าเสียหายวันละ 100 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะไปโอนสิทธิการเช่าอาคารดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าโจทก์เองเป็นฝ่ายผิดนัด และสิทธิการเช่าตามฟ้องเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่อาจโอนกันได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยไปโอนสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์เลขที่ 526 ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ให้แก่โจทก์และรับเงินจากโจทก์จำนวน452,000 บาท ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ยอมไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา คำขอเรื่องค่าเสียหายให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่สามารถฟ้องบังคับโอนแก่กันได้เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ โดยอาศัยสิทธิตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำ เอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นสัญญาขายสิทธิการเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งก่อให้เกิดหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยโดยจำเลยเป็นเจ้าหนี้ในการที่จะเรียกร้องเอาราคาค่าโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ ในขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้ในการที่จะต้องแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยในการที่จะเรียกร้องให้จำเลยดำเนินการโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์และเป็นลูกหนี้ที่จะต้องชำระราคาค่ารับโอนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลยและข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยจึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ดำเนินการโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้ ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น แต่การโอนสิทธิการเช่าอาคารพิพาทจะมีผลต่อเมื่อผู้ให้เช่ายินยอมเสียก่อนจึงจะโอนกันได้ จะถือเอาคำพิพากษาบังคับผู้ให้เช่ายอมให้โจทก์เช่าห้องพิพาทไม่ได้ ต้องพิพากษาให้จำเลยแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายอมโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์ จึงเห็นสมควรแก้คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองในส่วนนี้ให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยไปแสดงเจตนาต่อผู้ให้เช่ายินยอมโอนสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์เลขที่ 526 ถนนนารายณ์มหาราชตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปแสดงเจตนายินยอมโอนดังกล่าวให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนานอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์