คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขออ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ผ. บิดาผู้วายชนม์ของผู้ร้องสอดไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินพิพาทฟ้องโจทก์เป็นการสอดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องสอดผู้ร้องสอดจึงร้องขอเข้ามาในคดีเพื่อให้ได้รับการรับรอง และคุ้มครองมิให้โจทก์เข้ามาก้าวล่วงสิทธิของผู้ร้องสอด โดยขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามและขอให้ ยกฟ้องโจทก์ ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง และไม่ปรากฏจากคำร้องว่าสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่โจทก์ฟ้องบังคับให้รื้อถอนนั้นเป็นส่วนควบกับที่ดินพิพาทหรือไม่ ทั้งไม่มีคำขอบังคับเกี่ยวกับที่ดินพิพาทที่ผู้ร้องสอดอ้างว่าถูกโต้แย้งสิทธิมาด้วย การฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องสอดหากจะพึงมี คำร้องของผู้ร้องสอดจึงยังไม่มีความจำเป็นเพื่อให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านของจำเลยที่ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 1138 จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แต่ระหว่างพิจารณาผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินโฉนดตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์นั้นเป็นของนายเผือด เข็มต้น ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2500ขณะนี้ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุตรนายเผือดได้ครอบครองเพื่อจัดการแบ่งในระหว่างทายาทต่อไป โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงซึ่งโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ร้องสอดได้ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 669/2533 ดังนั้นที่ดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์ตามฟ้องนั้นจึงไม่ใช่ของโจทก์ การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการสอดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดจึงร้องขอเข้ามาในคดีนี้เพื่อให้ได้รับการรับรองและคุ้มครองมิให้โจทก์เข้ามาก้าวล่วงสิทธิของผู้ร้องสอด ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามและขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องมิใช่เป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)ให้ยกคำร้องของผู้ร้องสอด
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขออ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของนายเผือด เข็มต้น บิดาผู้วายชนม์ของผู้ร้องสอดไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินพิพาท ฟ้องโจทก์เป็นการสอดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดจึงร้องขอเข้ามาในคดีเพื่อให้ได้รับการรับรองและคุ้มครองมิให้โจทก์เข้ามาก้าวล่วงสิทธิของผู้ร้องสอด โดยขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามและขอให้ยกฟ้องโจทก์ ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง ทั้งไม่ปรากฏจากคำร้องว่าสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่โจทก์ฟ้องบังคับให้รื้อถอนนั้นเป็นส่วนควบกับที่ดินพิพาทหรือไม่ ผู้ร้องสอดอ้างแต่เพียงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนายเผือดบิดาผู้วายชนม์ของผู้ร้องสอดเท่านั้นทั้งตามคำร้องก็ไม่มีคำขอบังคับเกี่ยวกับที่ดินพิพาทที่ผู้ร้องสอดอ้างว่าถูกโต้แย้งสิทธิมาด้วย การฟ้องคดีของโจทก์ที่ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทจึงไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องสอดหากจะพึงมี จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ คำร้องของผู้ร้องสอดจึงยังไม่มีความจำเป็นเพื่อให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องสอดนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share