คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7),336 ขั้นแรกจำเลยแถลงขอต่อสู้คดี แต่ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ 1 วัน จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อศาลว่าขอให้การรับสารภาพผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลจะจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า “ฯ จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพตามฟ้องฯ โจทก์จำเลยไม่สืบพยานรอฟังคำพิพากษา” ก็ถือได้ว่าเป็นการสอบคำให้การเดิมที่จำเลยยื่นไว้นั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องสอบถามคำให้การใหม่ที่จะทำให้คำให้การเดิมถูกถอนหรือยกเลิกไปไม่ต้องฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานร่วมกับพวกลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิ่งราวทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2519 เวลากลางวัน จำเลยนี้กับพวกอีก 1 คนที่หลบหนีได้ร่วมกันใช้กรรไกรตัดสร้อยคอนาค 1 เส้น ราคา 500 บาทของนายทวี น้ำผึ้ง ซึ่งสวมใส่ที่คอเด็กชายวิทิต น้ำผึ้ง จนขาดแล้วจำเลยกับพวกได้ร่วมกันลักโดยฉกฉวยทรัพย์หนีไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงคลองต้นไทรเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานลักทรัพย์ มากระทำผิดซ้ำในอนุมาตราเดียวกันขึ้นอีกภายในเวลา 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), 336, 93, 83 ริบกรรไกรของกลางให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 500 บาทแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ ข้อต้องโทษและพ้นโทษก็รับว่าจริง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 3 ปี ของกลางริบ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 500 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยให้การรับสารภาพฐานร่วมกันลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), 83 มิได้ให้การรับสารภาพฐานวิ่งราวทรัพย์ พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วางโทษจำคุก 3 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 จำคุก 4 ปี 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 3 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), 336, 93, 83 ขั้นแรกจำเลยแถลงขอต่อสู้คดี ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยได้ยื่นคำให้การรับสารภาพฐานร่วมกันลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7), 83 มิได้ให้การรับสารภาพฐานวิ่งราวทรัพย์ ทั้งยังระบุมาตราที่กระทำผิดไว้ด้วยครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า “นัดสืบพยานโจทก์วันนี้ จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลสอบจำเลยแล้ว ข้อต้องโทษพ้นโทษจำเลยก็รับว่าเป็นจริงดังฟ้อง โจทก์จำเลยไม่สืบพยานรอฟังคำพิพากษา” ข้อความที่ศาลจดในรายงานว่าจำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพตามฟ้อง ถือได้ว่าเป็นการสอบคำให้การเดิมที่จำเลยยื่นไว้นั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องสอบถามคำให้การใหม่ที่จะทำให้คำให้การเดิมถูกถอนหรือยกเลิกไปไม่ อีกทั้งจำเลยไม่ได้แถลงขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพฐานวิ่งราวทรัพย์ เมื่อรูปคดีฟังได้เช่นนี้และโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานจึงต้องฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานร่วมกับพวกลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิ่งราวทรัพย์

พิพากษายืน

Share