คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับ ส. ไปด้วยกันที่บ้านเกิดเหตุ เมื่อถึงโต๊ะที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งดื่มเบียร์ จำเลยส่งปืนให้ ส.ส.ขึ้นลำปืนแล้วยิงผู้เสียหายทันที จำเลยกับ ส. หลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยกับ ส. สมคบกันยิงผู้เสียหายจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
การที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 นั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังฟ้องจำเลยจึงต้องรับโทษตามกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289, 371, 80, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 และฐานมีอาวุธปืน พาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เรียงกระทงลงโทษ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานมีอาวุธปืน ฯ จำคุก2 ปี ฐานพาอาวุธปืนลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 72ทวิ อันเป็นบทที่มีโทษหนักกว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา371 จำคุก 1 ปี รวมลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 36 ปี 4 เดือนริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับนายแสวงร่วมกันยิงผู้เสียหายทั้งสองโดยเจตนาฆ่าจริง ที่จำเลยฎีกาว่า แม้จะฟังได้ว่าจำเลยส่งปืนให้นายแสวงแต่โจทก์ก็ไม่นำสืบว่าคบคิดกันมาอย่างไร อาจจะส่งปืนให้กันด้วยเหตุอื่นก็ได้นั้น เห็นว่า จำเลยกับนายแสวงพี่ชายไปด้วยกัน เดินไปมาแถวหน้าบ้านที่เกิดเหตุหลายเที่ยว เมื่อไปถึงโต๊ะที่ผู้เสียหายทั้งสองกับพวกนั่งดื่มเบียร์กันอยู่ จำเลยก็ส่งปืนให้นายแสวง นายแสวงขึ้นลำปืนแล้วยิงผู้เสียหายทั้งสองทันที เสร็จแล้วจำเลยกับนายแสวงก็หลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยต้องร่วมสมคบกับนายแสวงมายิงผู้เสียหายทั้งสอง การส่งปืนให้ในลักษณะนั้นและขณะเดียวกันนายแสวงก็ยิงผู้เสียหายทั้งสองทันที จะเป็นการส่งให้โดยเจตนาอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากส่งเพื่อให้ยิงผู้เสียหายนั่นเองส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อเป็นที่สงสัยว่าจำเลยร่วมกับนายแสวงกระทำความผิดนี้หรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227 ได้ ต้องเป็นเรื่องที่มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่แต่กรณีนี้พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง จำเลยจึงต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share