คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,201 ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 177 วรรคสอง และ 201

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งใดไม่กระทำการอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157หรือมาตรา 201 หรือไม่นั้นจะพิจารณาแต่คำบรรยายฟ้องตอนหนึ่งตอนใดมิได้ต้องพิจารณาคำบรรยายฟ้องแต่ต้นจนจบว่าฟ้องโจทก์มีความหมายอย่างไร สำหรับคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความว่า จำเลยมียศเป็นร้อยตำรวจเอก รับราชการตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จำเลยทำรายงานการสอบสวนเป็นเท็จว่า โจทก์ได้ร่วมกันกระทำชำเรานางสะ เป็นลักษณะโทรมหญิงซึ่งไม่เป็นความจริง โจทก์ไม่ได้กระทำผิด แต่จำเลยทุจริตแกล้งหาว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดโจทก์เข้ามอบตัวต่อจำเลยแล้วจัดให้นางสะชี้ตัว นางสะชี้ตัวโจทก์แล้วบอกว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้กระทำผิด แต่จำเลยกลับบันทึกชี้ตัวว่า นางสะผู้เสียหายได้ชี้ตัวว่าโจทก์เป็นผู้กระทำผิด ระหว่างที่โจทก์ถูกควบคุมตัวในระหว่างสอบสวน จำเลยได้เรียกเงินโจทก์8,000 บาท เพื่อช่วยเหลือโจทก์ให้พ้นจากข้อกล่าวหา โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยกลับทำสำนวนเท็จส่งต่อพนักงานอัยการ ในที่สุดโจทก์ถูกฟ้องต่อศาลตามคดีหมายเลขแดงที่ 110/2521 ของศาลจังหวัดพัทลุง ดังนี้ เข้าใจได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานสอบสวน ไม่เช่นนั้นแล้วโจทก์คงไม่เข้ามอบตัวกับจำเลย จำเลยคงไม่ให้นางสะผู้เสียหายมาชี้ตัวโจทก์ จำเลยคงไม่ทำสำนวนการสอบสวนส่งต่อพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาล ทั้งโจทก์ก็ได้ตั้งข้อหามาว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เบิกความเท็จ เป็นเจ้าพนักงานสอบสวนเรียกทรัพย์สินโดยมิชอบ ฟ้องโจทก์จึงเข้าใจได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานสอบสวนอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ201 ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นฟ้องครบองค์ประกอบความผิดชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

พิพากษายืน

Share