คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การพิจารณาคดีนั้นไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าจำต้องมีการชี้สองสถานก่อน
เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความ ได้จดคำรับของคู่ความไว้แล้วและเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาคดีไปได้
จำเลยเป็นผู้เช่าแผงขายของจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืน หรือขอให้ขับไล่จำเลยได้จำเลยมิได้โต้เถียงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเหนือที่พิพาทในอันที่จะให้เช่าจำเลยจะเถียงสิทธิโจทก์ว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์เจ้าของไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดี ย่อมเถียงไม่ขึ้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาเกินอัตราค่าเช่าที่จำเลยเช่าแต่โจทก์แถลงขอเรียกร้องเอาเท่ากับค่าเช่าที่จำเลย ยอมรับว่าต้องเสียให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ต้องสืบประเด็นข้อนี้
คดีก่อน พนักงานอัยการเคยฟ้องจำเลยทางอาญาเรื่องวางสิ่งของปิดทางเดินเข้าตลาด คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตลาดสด จำเลยเช่าแผงลอยขายของเบ็ดเตล็ดอยู่ในตลาดของโจทก์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐เนื่องจากการปฏิบัติงานไม่ชอบของปลัดเทศบาลของโจทก์ อนุญาตให้จำเลยตั้งแผงลอยบนถนนทางเท้าเข้าตลาดเป็นการผิดเทศบัญญัติ โจทก์จึงให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ขนย้ายออกจากที่เช่าขอพิพากษาบังคับให้จำเลยและบริวารออกไปจากตลาดสดของโจทก์ และชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๖๐๐ บาทแก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่เช่า
จำเลยให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า ตลาดสดที่ฟ้องไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์เป็นตลาดสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งจังหวัดเชียงรายและกระทรวงมหาดไทยมอบอำนาจให้โจทก์อาศัยสิทธิเก็บค่าเช่า โจทก์จึงมีฐานะเป็นตัวแทนของกระทรวงมหาดไทย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มอบหมายให้โจทก์ห้ามไม่ให้จำเลยเข้าขายของและมิได้มอบหมายให้โจทก์ฟ้องคดี โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกการเช่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม ๒๕๑๑ นายโกวิท ศุภมงคลเป็นนายกเทศมนตรี อ้างเท็จว่าตรงที่จำเลยขายของเป็นถนนทางเข้าตลาดเป็นการผิดเทศบัญญัติ จับกุมจำเลยฟ้องร้องศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษายกฟ้อง ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๐๘๒/๒๕๑๑ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายถึงเดือนละ ๖๐๐ บาท
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลย จำเลยแถลงว่าที่จำเลยเข้าไปอยู่ในตลาดสดของเทศบาลโดยอาศัยสิทธิการเช่าที่จากนายจันทร์ ทัศนียานนท์ ปลัดเทศบาลคนเก่าตามเอกสารหมาย ล.๑ และจำเลยได้รับการบอกกล่าวจากเทศบาลให้ออกจากที่พิพาทก่อนฟ้องคดีนี้ประมาณ ๕ เดือน โจทก์แถลงว่า ที่จำเลยเข้ามาอยู่ในตลาดได้ก็โดยอาศัยหนังสือหมาย ล.๑ และขอเรียกค่าเสียหายตามที่จำเลยแถลงว่าได้เสียค่าเช่าให้เทศบาลเดือนละ ๑๕๐ บาทตลอดมานับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออก
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ มีคำสั่งให้งดกระบวนพิจารณาต่อไปพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากตลาดสดของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและทำการสืบพยานต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในการพิจารณาคดีนั้น ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับว่าจำต้องมีการชี้สองสถานก่อน และคดีนี้ศาลชั้นต้นได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความ ได้จดคำรับของคู่ความไว้แล้ว เห็นว่า ประเด็นข้อพิพาทไม่จำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป คดีพอวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องระบุให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานเข้าสืบ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาคดีไปได้ทีเดียว
ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและส่งมอบทรัพย์สินที่เช่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยแถลงรับว่าได้เข้าไปอยู่ในที่เช่าโดยอาศัยสิทธิการเช่าที่ปลัดเทศบาลของโจทก์ออกให้ จึงฟังได้ว่าจำเลยเช่าที่ดินตามฟ้องจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ให้เช่าจำเลยเป็นผู้เช่า โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้อง จำเลยจะเถียงโจทก์ผู้ให้เช่าว่าที่พิพาทที่ให้เช่าเป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ผู้ให้เช่าไม่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของที่ให้เช่าให้ฟ้องคดีย่อมเถียงไม่ขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องค่าเสียหายนั้น แม้โจทก์จะเรียกร้องมาเดือนละ๖๐๐ บาท ซึ่งสูงเกินกว่าอัตราที่จำเลยเช่า แต่เมื่อโจทก์แถลงขอเรียกร้องเอาเท่ากับค่าเช่าที่จำเลยยอมรับว่าต้องเสียให้โจทก์เป็นรายเดือน ๆ ละ ๑๕๐ บาทอยู่แล้ว โจทก์ไม่ต้องนำสืบประเด็นข้อนี้
ส่วนประเด็นที่อ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๘๐๒/๒๕๑๑ นั้น คดีดังกล่าวเป็นเรื่องพนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในทางอาญาเรื่องที่จำเลยวางสิ่งของปิดทางเดินเข้าตลาดส่วนคดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลย เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
พิพากษายืน

Share