แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลายคนตกลงร่วมกันซื้อที่ดินมีโฉนดเดียวกันแปลงหนึ่งเมื่อซื้อแล้วก็รังวัดแบ่งเขตกันครอบครองเป็นส่วนสัดที่ตกลงซื้อ เช่นนี้ย่อมทำได้ และในกรณีนี้ต่อมาหากผู้ซื้อผู้หนึ่งบุกรุกส่วนของอีกผู้หนึ่งก็ต้องรับผิดในเรื่องค่าเสียหาย จะอ้างสิทธิในฐานะเป็นเจ้าของร่วมขึ้นต่อสู้หาได้ไม่+
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า โจทก์ จำเลยที่ ๒ และนายกลึงได้ร่วมกันซื้อที่ดินโฉนดที่ ๕๐๐๗ เนื้อที่ ๕๒ ไร่ ๑ งาน ๔ วา จากนายกิมจุ้ย เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท โดยตกลงว่า นายกลึงซึ้อทางทิศใต้ เนื้อที่ ๑๔ ไร่ จำเลยที่ ๒ ซื้อตอนกลางเนื้อที่ ๑๔ ไร่ เหลือเนื้อที่ ๒๔ ไร่ ทางทิศเหนือเป็นของโจทก์ ส่วนราคาเฉลี่ยกันออกตามเนื้อที่และต่างได้ครอบครองส่วนของตนตามที่รังวัดปักหลักยกคันเขต ได้โอนใส่ชื่อโจทก์ จำเลยที่ ๒ และนายกลึงในโฉนด แต่ยังไม่ได้แบ่งแยกโฉนดกัน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ ๒ กับพวกได้ไถหว่านทำนาลุกล้ำในที่ดินของโจทก์ ๖ ไร่ เป็นเหตุให้โจทก์ทำนาใน พ.ศ.๒๔๙๔ ไม่ได้ ขาดประโยชน์ไปเป็นเงิน ๑,๔๔๐ บาท ขอให้ห้ามและให้จำเลยแบ่งโฉนดกับให้ใช้ค่าเสียหายจำเลยทั้งสองให้การว่าได้ร่วมกันซื้อที่ดินราคา ๒,๐๐๐ บาท มิได้ตกลงแบ่งเนื้อที่กันดั่งฟ้อง ผู้ซื้อครอบครองร่วมกันมายังไม่ได้แบ่งเขต จำเลยจึงมีสิทธิไถหว่านทำนาได้ เพราะจำเลยที่ ๒ มีกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วย จำเลยที่ ๒ ยินดีแบ่งแยกโฉนด แต่หากโจทก์จะเอาที่ดินมากกว่าจึงไม่ตกลงกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินในโฉนดตอนเหนือภายในเส้นสีแดงในแผนที่กลางเนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๓ งาน ๑๒ วา ซึ่งโจทก์ครอบครองให้โจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ออกเงินซื้อที่พิพาท ๒,๗๖๙ บาท จำเลยที่ ๒ และนายกลึงออกเงินคนละ ๑๖๑๕ บาท เมื่อซื้อแล้วก็วัดที่ดินตามเนื้อที่ๆ แต่ละคนตกลงซื้อ นายกลึงได้ตอนใต้ ๑๔ ไร่ จำเลยที่ ๒ ได้ตอนกลางเนื้อที่ ๑๔ ไร่ตอนเหนือสุดเป็นของโจทก์ ต่างครอบครองเป็นส่วนสัดกันตั้งแต่นั้นมา เมื่อจำเลยบุกรุกเข้าไปทำนาในที่ ๆ โจทก์ครอบครอง ก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงพิพากษายืน