คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6429/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 482(1)ก็ต่อเมื่อผู้ขายพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง ได้ความว่ารถยนต์ที่จำเลยขายให้โจทก์เป็นรถยนต์ที่ถูกยักยอกมาและได้ถูกเจ้าพนักงานติดตามยึดคืนไป ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าการที่รถยนต์พิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นความผิดของโจทก์ จำเลยจึงไม่อาจอ้างข้อยกเว้นการรับผิดในการรอนสิทธิตามกฎหมาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 กับขอให้บังคับจำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 178,000 บาท
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เฉพาะความผิดอาญาฐานฉ้อโกงสำหรับฟ้องคดีส่วนแพ่งของโจทก์ ให้จำเลยชำระเงินค่ารถยนต์178,000 บาท คืนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในคดีส่วนแพ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในคดีส่วนแพ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2530 จำเลยได้ขายรถยนต์เก๋งคันหมายเลขทะเบียน ก-0740 สมุทรสงคราม ให้โจทก์ในราคา 178,000 บาทโจทก์ชำระเงินให้จำเลยครบถ้วนแล้วแต่ไม่สามารถโอนทะเบียนมาเป็นของโจทก์ได้เพราะมีผู้มาแจ้งอายัดไว้ตั้งแต่วันที่ 10เมษายน 2530 ว่ารถยนต์คันนี้ถูกยักยอกมา คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจะต้องใช้คืนเงินค่าขายรถยนต์พิพาทแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ปัญหาข้อนี้ จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า รถยนต์พิพาทถูกยึดไปจริงหรือไม่และโจทก์ไม่ได้ให้จำเลยเข้ารู้เห็นเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่อ้างว่ารถยนต์พิพาทถูกยึดไปจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 482 สำหรับปัญหาที่ว่า รถยนต์พิพาทถูกยึดไปจริงหรือไม่นั้น… ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้แน่ชัดว่า รถยนต์พิพาทถูกยึดไปจริง
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้ให้จำเลยเข้ารู้เห็นเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่อ้างว่ารถยนต์พิพาทถูกยึดไป จำเลยไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 482นั้น เห็นว่า จำเลยผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 482(1) นั้น จะต้องได้ความว่า จำเลยผู้ขายพิสูจน์ได้ว่า สิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง แต่กรณีที่เกิดขึ้นมาในคดีนี้ ได้ความว่ารถยนต์พิพาทถูกยักยอกมาและได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ได้ติดตามยึดรถไปจากโจทก์ด้วยอำนาจของกฎหมายโดยจำเลยผู้ขายมิได้นำสืบให้เห็นว่าการที่รถยนต์พิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นความผิดของโจทก์ผู้ซื้อแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่อาจอ้างเอาข้อยกเว้นการรับผิดในการรอนสิทธิตามข้อกฎหมายที่อ้างมานั้นได้ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้คืนค่ารถยนต์แก่โจทก์ตามฟ้องมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share