คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยผู้เช่าซื้อส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อเนื่องจากได้โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่ ด.โดยโจทก์ยินยอมแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยจะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2525 จำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทไปจากโจทก์ในราคา 750,000 บาท ชำระค่าเช่าซื้องวดละ 25,000 บาท ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน เริ่มชำระงวดแรกวันที่ 15 มกราคม 2526 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 11 ประจำวันที่ 15พฤศจิกายน 2526 สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันทันที โจทก์ติดตามรถยนต์พิพาทคืนเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน181,110 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2526 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม2526 เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้โอนสัญญาเช่าซื้อให้ผู้มีชื่อโดยผู้มีชื่อได้ทำสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกว่า สัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทเอกสารหมาย จ.3 ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1เป็นอันระงับไปแล้วหรือไม่ ปัญหานี้ข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2526 จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อกับโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์พิพาทให้แก่นายดำรงค์ได้มีการทำหนังสือโอนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทโดยโจทก์ให้ใช้แบบพิมพ์ของโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.1 และโจทก์ยังได้ให้นายดำรงค์ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ล.2 โดยไม่มีการกรอกข้อความ ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1ก็ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและค่าเช่าซื้อล่วงหน้าของผู้รับโอนสัญญาเช่าซื้ออีก 1 เดือน รวมเป็นเงิน 75,000 บาทให้แก่โจทก์โดยจ่ายเป็นเช็คของนายดำรงค์ รวมทั้งค่าธรรมเนียมการโอนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทและค่าอากร ตามใบเสร็จรับเงิน เอกสารหมาย จ.14,จ.15 รวมเป็นเงิน 2,927 บาท ให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว อันถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาเช่าซื้อ ประกอบกับในวันเดียวกันนั้นนายดำรงค์ก็ได้ทำแบบยื่นขอทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทกับโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.11 โจทก์ก็รับไว้ พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 น่าจะได้คืนรถยนต์คันที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์แล้วในวันดังกล่าว มิฉะนั้นโจทก์คงจะไม่ยินยอมให้มีการตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อกันดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1ผู้เช่าซื้อได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อตามข้อเท็จจริงดังวินิจฉัยมา ถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว ดังนั้นไม่ว่าการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะได้ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์แล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share