แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 มาด้วย แต่ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยกับพวกว่าร่วมกันใช้อาวุธปืนตีทำร้ายร่างกายผู้ตาย และร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ในลักษณะต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันกับที่พวกของจำเลยมาเอาอาวุธปืนของจำเลยยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้ตายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าพวกของจำเลยยิงผู้ตายโดยลำพังซึ่งเป็นคนละตอนกับที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ตาม แต่การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายได้
พฤติการณ์ที่จำเลยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและใช้อาวุธปืนที่เตรียมไปตีทำร้ายผู้ตายแล้วพวกของจำเลยที่ไปด้วยกันยังใช้อาวุธปืนที่จำเลยนำไปด้วยนั้นยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย กรณีจึงยังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกัน มีอาวุธปืนพกขนาด .32 ชนิด ประกอบขึ้นเอง ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับจำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .32 ไม่ทราบจำนวนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวตีนายประเวศเครื่องตัน ผู้ตาย 1 ครั้ง ถูกที่ใต้ตาขวาและร่วมกันใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตาย 3 นัดโดยมีเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกผู้ตายที่ศีรษะและชายโครงด้านขวา เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 91, 32พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 295 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 1 ปี 12 เดือน จำเลยนำสืบเจือสมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 18 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทะเลาะวิวาทกับนายประเวศ เครื่องตัน ผู้ตาย และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนตีบริเวณใต้ตาขวาผู้ตาย หลังจากที่จำเลยกับผู้ตายเลิกทะเลาะวิวาทกันแล้ว ขณะที่ผู้ตายและจำเลยกำลังพูดปรับความเข้าใจกัน นายสวรรค์พวกของจำเลยได้เอาอาวุธปืนจากจำเลยยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ฟ้องของโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายแล้วจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายตามที่ได้ความไม่ได้นั้น เห็นว่า แม้ตามฟ้องโจทก์จะไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 มาด้วย ก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยกับพวกว่าร่วมกันใช้อาวุธปืนตีทำร้ายร่างกายผู้ตาย และร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าในลักษณะต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันกับที่พวกของจำเลยมาเอาอาวุธปืนของจำเลยยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้ตายดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าพวกของจำเลยยิงผู้ตายโดยลำพังซึ่งเป็นคนละตอนกับที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ตามแต่การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมาดังกล่าวจึงชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า ตามพฤติการณ์แห่งคดีจำเลยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและใช้อาวุธปืนที่เตรียมไปตีทำร้ายผู้ตายแล้วพวกของจำเลยที่ไปด้วยกันยังได้ใช้อาวุธปืนที่จำเลยนำไปด้วยนั้นยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย กรณีจึงยังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน