แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เมื่อศาลฎีกาตรวจคำฟ้องฎีกาโดยตลอดแล้วเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม, 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 2อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวนเป็นการฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่า เมื่อตรวจคำฟ้องฎีกาโดยตลอดแล้วเป็นการฎีกาโต้เถียงที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกา