แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาระหว่างโจทก์กับ อ.มิได้ระบุระยะเวลาที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ และสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกัน ฉะนั้น การที่ อ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อ ณต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี ครบกำหนดแล้วโจทก์ได้อนุมัติให้ อ.ลาศึกษาต่อและลากิจเป็นเวลา 4 ปี 5 เดือน โดยจำเลยมิได้ยินยอมในการที่โจทก์อนุมัติให้ อ.ศึกษาต่ออีกนั้น แม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่จำเลยผู้ค้ำประกัน แต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญาและเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ จำเลยจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด เมื่อ อ.สำเร็จการศึกษาแล้วไม่กลับมารับราชการกับโจทก์ อันเป็นการผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ที่ อ.ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยจึงไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ให้การไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อ.ต้องกลับมารับราชการในวันที่ 1 มิถุนายน 2525 แต่ อ.ไม่กลับมารับราชการตามกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงมีคำสั่งปลดออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2525 ถือได้ว่า อ.ผิดสัญญาตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2532 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ