คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6386/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างที่ถูกสั่งพักงานเพื่อรอฟังผลการดำเนินคดี เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งนายจ้างมีสิทธิสั่งพักงานลูกจ้างได้โดยชอบ เมื่อลูกจ้างมิได้ทำงานในระหว่างพักงานตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2522 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2529 ย่อมไม่มีงานที่มีคุณภาพและปริมาณงานอันสมควรที่จะได้เลื่อนบำเหน็จเพื่อตอบแทนผลงานที่ได้ปฏิบัติในรอบปีนั้นตามระเบียบ จึงไม่มีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในระหว่างพักงาน เมื่อลูกจ้างกลับเข้าทำงานตามเดิมจึงไม่มีค่าจ้างในส่วนที่เพิ่มขึ้นที่จะเรียกร้องจากนายจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยได้รับค่าจ้างเดือนละ ๒,๘๐๐ บาท จนถึงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ จำเลยสั่งพักงานโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ ต่อมาวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๙ จำเลยมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีความผิดให้โจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมในอัตราเงินเดือน ๓,๘๓๐ บาท การที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่ได้รับการปรับค่าจ้างเป็นเวลา ๘ ปี ปัจจุบันโจทก์น่าจะได้รับค่าจ้างเดือนละ ๗,๐๘๐ บาท และจำเลยต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันที่ถูกพักงานคือวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเงิน ๕๘๘,๒๘๐ บาท แต่จำเลยจ่ายให้โจทก์เพียง ๓๒๑,๗๕๓.๕๕ บาท ยังขาดอยู่อีก ๒๖๖,๕๒๗.๔๕ บาท ขอให้บังคับจำเลยปรับค่าจ้างจากเดือนละ ๓,๘๓๐ บาท เป็นเดือนละ ๗,๐๘๐ บาท และจ่ายค่าจ้างที่ค้างอีก ๒๖๖,๕๒๗.๔๕ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับเงินเดือนสุดท้ายเดือนละ ๒,๘๐๐ บาท ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยว่าด้วย การเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างประจำปีของพนักงาน กำหนดการเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้าง ๑ ขั้นแก่พนักงานให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วย และในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมามีเวลาทำงานไม่น้อยกวา ๘ เดือน ทั้งได้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพและปริมาณงานสมควรที่จะได้เลื่อนบำเหน็จ ระเบียบดังกล่าวมิได้กำหนดว่าจะต้องพิจารณาบำเหน็จให้กับพนักงานที่ถูกพักงาน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในระหว่างถูกพักงาน
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่าตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จประจำปีของพนักงาน พ.ศ.๒๕๒๑ ข้อ ๑๑ “การงดบำเหน็จแก่พนักงานต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ประการใดประการหนึ่งดังนี้…๑๑.๙ อยู่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัย หรือทางคดีอาญาให้รอการพิจารณาบำเหน็จไว้ก่อน ถ้ามิได้กระทำผิดแต่มีมลทินมัวหมอง หรือถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด…ก็ให้งดบำเหน็จสำหรับปีที่เกิดเหตุนั้น” และตามระเบียบว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างประจำปีของพนักงาน พ.ศ.๒๕๒๕ ข้อ ๑๗ ” การพิจารณางดเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างพนักงานมีหลักเกณฑ์ดังนี้ ๑๗.๔ ในรอบปีของการพิจารณาความดีความชอบเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้างถูกลงโทษทางวินัย หรืออยู่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัย หรือทางคดีอาญาให้รอการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างไว้ก่อน ถ้ามิได้กระทำผิดแต่มีมลทินมัวหมอง…ก็ให้งดเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างสำหรับปีที่เกิดเหตุนั้น” กรณีของโจทก์ไม่เข้าข้อหนึ่งข้อใดในหลักเกณฑ์ตามระเบียบของจำเลยดังกล่าวที่จะต้องถูกงดเลื่อนขั้นเงินเดือน และการที่โจทก์ไม่มีผลงานให้ปรากฏหรือมีเวลาทำงานไม่ครบ ๘ เดือนในรอบปี ก็เนื่องจากโจทก์ถูกจำเลยสั่งพักงาน จำเลยจึงต้องเลื่อนเงินเดือนให้โจทก์อย่างน้อยปีละ ๑ ขั้น นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามระเบียบข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างนั้น เป็นเรื่องที่พนักงานถูกสอบสวนทางวินัยหรือทางอาญา หากผลคดีหรือผลการสอบสวนพนักงานผู้นั้นไม่มีความผิดแต่มีมลทินมัวหมองก็ให้งดเลื่อนขั้นเงินเดือน กรณีดังกล่าวนี้เป็นกรณีเฉพาะพนักงานที่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยหรือทางอาญา พนักงานผู้นั้นยังคงทำงานตามปกติตลอดมา ส่วนกรณีของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ถูกจำเลยสั่งพักงานเพื่อรอฟังผลการดำเนินคดีอาญา เนื่องจากโจทก์มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตซึ่งจำเลยมีสิทธิสั่งพักงานโจทก์ได้ โจทก์ไม่ได้ทำงานตั้งแต่วันถูกพักงานคือวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ ตลอดมา ฉะนั้นการพิจารณาความดีความชอบเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนของโจทก์จึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ในระเบียบของจำเลยว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จประจำปีของพนักงานองค์การทอผ้า พ.ศ.๒๕๒๑ เอกสารหมาย ล.๓ ข้อ ๔ ว่า “การพิจารณาบำเหน็จประจำปี คือ การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือค่าจ้างบำเหน็จตอบแทนผลงานที่พนักงานได้ปฏิบัติงานในรอบปีนั้น” และข้อ ๙ “การเลื่อนบำเหน็จ ๑ ขั้น แก่พนักงานให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยที่จะขอให้พนักงานได้โดยมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้…๙.๒ ได้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพและปริมาณของงานสมควรที่จะได้เลื่อนบำเหน็จ” เมื่อโจทก์มิได้ทำงานให้จำเลยระหว่างวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๒ ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๙ เนื่องจากถูกจำเลยสั่งพักงานจึงไม่มีคุณภาพและปริมาณงานอันสมควรที่จะได้เลื่อนบำเหน็จเพื่อตอบแทนผลงานที่ได้ ปฏิบัติในรอบปีนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในระหว่างถูกพักงานตามระเบียบของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.๓ ดังกล่าวต่อมาจำเลยได้มีระเบียบว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างประจำปีของพนักงาน พ.ศ.๒๕๒๕ ตามเอกสารหมาย ล.๑ ใช้แทนระเบียบของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.๓ ข้อ ๑๑.๒ ซึ่งได้แก้ไขโดย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๒๖ ตามเอกสารหมาย ล.๒ ว่า”ในรอบปีของการพิจารณาความดีความชอบเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างได้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพและปริมาณของงานได้รับการประเมินผลอยู่ในเกณฑ์ดีปานกลาง” ฉะนั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้ทำงานในระหว่างถูกพักงานดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่มีเวลาและไม่มีผลงานที่จะเป็นความดีความชอบอันจะนำมาพิจารณาเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนโจทก์จึงไม่มีสิทธิ ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในระหว่างถูกพักงานเช่นเดิมจึงไม่มีค่าจ้างในส่วนที่เพิ่มขึ้นที่โจทก์จะเรียกร้องจากจำเลยได้
พิพากษายืน

Share