คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6377/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานตำรวจค้นไม่ได้ของกลางจากตัวจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็ประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นปกติ การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่เพียงช่วยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ตามที่รับจ้าง ซึ่งแม้จะรู้ถึงความผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำโดยได้รับค่าจ้างเป็นพิเศษ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นแต่เพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่มีการกระทำถึงขั้นเป็นตัวการ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงคงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนซึ่งต้องระวางโทษเพียงสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้นตาม ป.อ. มาตรา 86

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนและรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน บธน กท 183 ของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,200,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78, 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 600,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 800,000 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นเวลา 1 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน บธน กรุงเทพมหานคร 183 ของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 2 ได้พร้อมจำเลยที่ 1 ที่ให้การรับสารภาพ โดยจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์รับจำเลยที่ 1 มาจากบริเวณชุมชนล็อก 1 คลองเตย ที่ที่จำเลยที่ 1 รับเมทแอมเฟตามีนจากบ้านป้าของจำเลยที่ 1 ไปส่งยังบริเวณชุมชนล็อก 7 ซึ่งเป็นที่ที่ถูกจับกุมและเชื่อว่าจำเลยเขียนบันทึกคำรับสารภาพด้วยความสมัครใจ กอปรกับจำเลยที่ 2 ได้ค่าจ้างถึง 200 บาท ซึ่งมากกว่าปกติที่เคยได้รับเพียงเที่ยวละ 10 ถึง 20 บาท ตามที่ตัวจำเลยที่ 2 และนายสุรชัยพยานจำเลยที่ 2 ตอบคำถามค้านของโจทก์แล้วเชื่อว่าจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ด้วยจริง เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานตำรวจค้นไม่ได้ของกลางจากตัวจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ก็ประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นปกติ การกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 ที่เพียงช่วยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ตามที่รับจ้างซึ่งแม้จะรู้ถึงความผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำโดยได้รับค่าจ้างเป็นพิเศษ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นแต่เพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ที่มีการกระทำถึงขั้นเป็นตัวการ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงคงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนซึ่งต้องระวางโทษเพียงสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาในส่วนของจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยทั้งหมด นับว่าฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้นบางส่วน อนึ่ง ขณะกระทำความผิดปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 มีอายุเพียง 18 ปีเศษ จึงเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 2 มีอายุ 18 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบมาตรา 53 จำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน และปรับ 533,333 บาท เมื่อลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 14 ปี 9 เดือน 23 วัน และปรับ 355,555 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share