คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมให้เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอ ผู้ขอมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ หรืออาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี คำสั่งของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเช่นว่านี้เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า ซึ่งเป็นวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณาที่บัญญัติเป็นลำดับไว้แล้ว คดีนี้ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าแล้ว ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งห้านำค่าธรรมเนียมศาลมาวาง จำเลยทั้งห้าไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอนั้นใหม่ แต่ได้ใช้สิทธิทำคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งห้าไปแล้ว เช่นนี้จำเลยทั้งห้าจะย้อนไปร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของตนนั้นใหม่อีกหาได้ไม่ เพราะคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 372,569,270.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 306,396,340.81 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นเงิน 220,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19550, 19551 และ 19552 ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินโฉนดเลขที่ 12415 ตำบลแพรกษา (แพรกตาสา) อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เมือง) จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรหมายเลขทะเบียน 34 – 326 – 201 – 1086 ถึง 34 – 326 – 201 – 1125 รวม 40 เครื่อง และเครื่องจักรหมายเลขทะเบียน 37 – 326 – 201 – 1980 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 5 บังคับชำระหนี้ตามจำนวนที่ต้องรับผิดแก่โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งห้าไม่ยากจน ให้ยกคำร้อง ให้จำเลยทั้งห้านำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาลภายใน 30 วัน
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์คำสั่ง (ที่ถูก ต้องทำเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง)
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า ตามทางไต่สวนยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งห้าเป็นคนยากจน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งห้า หากจำเลยทั้งห้ายังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง
ต่อมาจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การยื่นคำร้องขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน จำเลยทั้งห้าต้องยื่นคำร้องภายในเวลาที่ศาลอนุญาตให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาล คือภายในวันที่ 23 กันยายน 2546 (ที่ถูกภายในวันที่ 17 กันยายน 2546) อีกทั้งจำเลยทั้งห้าได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด จำเลยทั้งห้าจะขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอ ผู้ขอมีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้อีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรืออาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี คำสั่งของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเช่นว่านี้เป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ หรืออาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี คำสั่งของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเช่นว่านี้เป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้า ซึ่งเป็นวิธีดำเนินกระบวนพิจารณาที่บัญญัติเป็นลำดับไว้แล้ว คดีนี้ปรากฏว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าแล้ว ภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งห้านำค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาล จำเลยทั้งห้าไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอนั้นใหม่ แต่ได้ใช้สิทธิทำคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งห้าไปแล้ว เช่นนี้จำเลยทั้งห้าจะย้อนไปร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของตนนั้นใหม่อีกหาได้ไม่ เพราะคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดและยกคำร้องขอของจำเลยทั้งห้ามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share