คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6361/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) กำหนดสิทธิเรียกร้องของผู้ประกอบการค้าที่จะเรียกเอาค่าของที่ตนได้ส่งมอบ ให้มีอายุความ 2 ปี แต่กรณีระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามความในตอนท้ายของมาตรา 193/34 (1) ซึ่งหมายถึงกิจการระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางกับจำเลยซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าผ้าเพื่อจำหน่ายอีกทอดหนึ่งในฐานะผู้ประกอบการค้าด้วยกัน สิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 193/34 (1) หากแต่ขยายเป็นอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 193/33 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามสั่งซื้อสินค้าจำพวกผ้าจากโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ และมีนายลิขิปาลเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยมีข้อตกลงและประเพณีการค้าระหว่างกันว่า เมื่อโจทก์จัดหาสินค้าจำพวกผ้าตามความต้องการของจำเลยทั้งสามได้แล้ว จะแจ้งจำเลยทั้งสามเพื่อส่งสินค้าให้บุคคลต่าง ๆ ในประเทศไทยตามราคาที่จำเลยทั้งสามกำหนดโดยห้ามระบุชื่อโจทก์เป็นผู้ส่งสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โจทก์จึงแต่งตั้งบริษัททรัสต์ เอ็กปอร์ต พีทีอี แอลทีดี จำกัด เป็นผู้ส่งสินค้าแทน ส่วนใหญ่จำเลยที่ 3 ในฐานะส่วนตัวและกรรมการของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย จะเป็นผู้ติดต่อกำหนดสินค้ากำหนดตัวบุคคลผู้รับของและราคาสินค้า โดยตกลงซื้อสินค้าในราคาที่โจทก์ซื้อหรือจัดหาบวกด้วยค่าตอบแทน/กำไรร้อยละ 15 ของราคาสินค้า เมื่อโจทก์ออกใบแจ้งหนี้แก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยทั้งสามจะร่วมกันหรือแทนกันชำระราคาแก่โจทก์ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ระบุในใบแจ้งหนี้แต่ละคราว นับแต่กลางปี 2544 จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันสั่งซื้อสินค้า 7 ครั้ง ครั้งแรกให้จัดส่งแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยโกมลอิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2543 ตามใบตราส่ง เลขที่ เอสไอเอ็น 281117 ครั้งที่ 2 ให้จัดส่งแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยโกมลอิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต ในวันที่ 13 มีนาคม 2544 ตามใบตราส่ง เลขที่ เอสไอเอ็น 291331 ครั้งที่ 3 จำเลยทั้งสามมอบหมายให้นายปูราน แอดวานีเป็นตัวแทนไปรับสินค้าจากโจทก์ในวันที่ 24 ธันวาคม 2544 ครั้งที่ 4 ให้จัดส่งแก่บริษัทธนลาภ เทรดดิ้ง จำกัด ในวันที่ 30 สิงหาคม 2544 ตามใบตราส่ง เลขที่ เอสไอเอ็น 308757 ครั้งที่ 5 ถึงครั้งที่ 7 ให้จัดส่งแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีรัตนาเทรดดิ้ง ในวันที่ 21 มีนาคม วันที่ 17 มิถุนายน และวันที่ 21 ตุลาคม 2545 ตามใบตราส่ง เลขที่ โอซี/บีเคเค-020240 บีเคเค 0004531-01 และบีเคเค 0005274-01 ตามลำดับ หลังจากนั้นโจทก์จึงออกใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินค่าสินค้าจากจำเลยที่ 1 รวม 27 ฉบับ เป็นเงิน 1,475,795.31 ดอลลาร์สิงค์โปร์ แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลง ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 1,844,737.15 ดอลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2545 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระหนี้ตามใบแจ้งหนี้ฉบับท้ายสุดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 225,917 ดอลลาร์สิงคโปร์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 2,070,654.15 ดอลลาร์สิงคโปร์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันจากต้นเงิน 1,844,737.15 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าแต่ละครั้ง จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องขาดอายุความเพราะฟ้องเกินกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันที่มีการตกลงซื้อขาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่มีการสั่งซื้อและส่งมอบสินค้า จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกเงินที่ได้ทดรองจ่ายและบำเหน็จจากจำเลยทั้งสามใหม่ ให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ในปัญหาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะมิได้วินิจฉัยมา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลดังกล่าววินิจฉัยเสียก่อน ตามปัญหาดังกล่าว แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) จะกำหนดสิทธิเรียกร้องของผู้ประกอบการค้าที่จะเรียกเอาค่าของที่ตนได้ส่งมอบ ให้มีกำหนดอายุความ 2 ปี ก็ตาม แต่กรณีระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามเป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายจำเลยดังกล่าวซึ่งเป็นลูกหนี้ตามความในตอนท้ายของมาตรา 193/34 (1) ซึ่งหมายถึงกิจการระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางกับจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าผ้าตามฟ้องเพื่อจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง ในฐานะผู้ประกอบการค้าด้วยกันสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อจำเลยทั้งสามจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 193/34 (1) หากแต่ขยายเป็นอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 193/33 (5) เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ส่งสินค้าแก่ฝ่ายจำเลยทั้งสามเป็นครั้งแรกในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2543 จวบจนครั้งสุดท้ายในวันที่ 21 ตุลาคม 2545 โดยมีเงื่อนไขเวลาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ภายใน 120 วัน ตามข้อตกลงและประเพณีปฏิบัติตามใบแจ้งหนี้เอกสารหมาย จ.44 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 ภายในกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้เงิน 1,431,702.94 ดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2545 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยที่คำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 225,917 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 20,000 บาท

Share