แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีก่อนจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ฟ้องขับไล่โจทก์คดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 ร. เป็นจำเลยที่ 2 ให้ออกไปจากที่ดินของ ป. ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ขับไล่โจทก์คดีนี้และ ร. ให้ออกจากที่ดินโดยฟังว่าที่ดินเป็นของ ป. คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ป. ให้ร่วมกันคืนโฉนดที่ดินและจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์มาใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของดังเดิมอ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2973 พร้อมสิ่งปลูกสร้างคือบ้านเลขที่ 30 โดยได้รับมรดกจากนางโป้ห้วยจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายประมุขเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2506 โจทก์ขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวและโจทก์ได้ทำนิติกรรมสัญญายกที่ดินให้แก่นายประมุข ด้วยเจตนาให้เป็นตัวแทนถือกรรมสิทธิ์แทนโจทก์เพราะนายประมุขเป็นญาติผู้ใหญ่มีฐานะดี โจทก์มีฐานะยากจนจะเก็บรักษาที่ดินไว้ไม่ได้และที่ดินอยู่ในทำเลไม่เหมาะสมแก่การค้าขาย นายประมุขจึงเสนอจัดหาที่ดินพร้อมจะปลูกบ้านให้โจทก์และครอบครัวใหม่ หากไม่ดำเนินการดังกล่าวก็จะโอนที่ดินแปลงที่นายประมุขถือกรรมสิทธิ์แทนคืนให้โจทก์ แต่นายประมุขไม่ดำเนินการหาที่ดินและปลูกสร้างบ้านให้แก่โจทก์และไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังเดิม จนกระทั่งนายประมุขถึงแก่ความตาย ต่อมาโจทก์ประสงค์จะซ่อมแซมและปลูกบ้านพักอาศัยขึ้นใหม่ จึงแจ้งความประสงค์ไปยังจำเลยทั้งสองเพื่อให้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมาเป็นชื่อของโจทก์ถือกรรมสิทธิ์ดังเดิม แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมกลับยื่นฟ้องขับไล่โจทก์และครอบครัวให้ออกไปจากที่ดินแปลงนี้ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนโฉนดที่ดินพร้อมทั้งไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2973 ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินจากนายประมุขมาใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ตามระเบียบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาว่า ฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 392/2545 ของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า ฟ้องโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 392/2545 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 392/2545 มีนางละม้าย เป็นโจทก์ที่ 1 นายมนู เป็นโจทก์ที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประมุข ฟ้องขับไล่ โจทก์คดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 นายเริงศักดิ์เป็นจำเลยที่ 2 ให้จำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 2973 ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ของนายประมุข ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ขับไล่โจทก์คดีนี้ และนายเริงศักดิ์ ให้ออกจากที่ดินดังกล่าวแล้ว เมื่อคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 392/2545 ศาลได้มีคำพิพากษาให้ขับไล่โจทก์ และนายเริงศักดิ์ให้ออกไปจากที่ดินดังกล่าวโดยฟังว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนายประมุข โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2973 เป็นของโจทก์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ