คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาว่าศาลฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงตามสำนวนนั้นเป็นข้อกฎหมาย
พลตำรวจไม่จับกุมผู้ลักเล่นการพนันนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 146 เพราะการไม่จับกุมไม่ถือว่าเป็นการป้องกันและขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
การใช้ดุลพินิจยกโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40แก่จำเลยในคดีการพนันย่อมใช้ได้ ไม่เป็นการขัดต่อพ.ร.บ.การพนัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบเล่นการพนันเบี้ยโบก โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องจับกุม และมิได้ทำการจับกุม จึงเป็นการขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2, 3, 4, 5, 6แต่โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้ยกเสีย เพราะจำเลยชราภาพมาก ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 7

โจทก์ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า คดีส่วนตัวจำเลยที่ 1 นั้นศาลฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงตามสำนวน และควรมีผิดตามมาตรา 146 กฎหมายอาญาด้วย ส่วนสำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ศาลไม่มีอำนาจยกโทษจำคุกเพราะขัดกับพระราชบัญญัติการพนัน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลไม่เอาผิดจำเลยที่ 1 ฐานลักเล่นการพนัน เพราะอาศัยคำพยานหลักฐานที่ได้ความในทางพิจารณา มิใช่ฟังข้อเท็จจริงผิดจากถ้อยคำในสำนวน และการที่จำเลยที่ 1 เป็นพลตำรวจไม่จับกุมผู้ลักเล่นการพนันนั้น จะเอาผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 146 ไม่ได้ เพราะการที่จำเลยไม่จับกุม ยังไม่พอที่จะถือว่าเป็นการป้องกันและขัดขวาง

การยกอาญาจำคุกจำเลยที่ 3 เป็นการใช้ดุลพินิจตามกฎหมายอาญามาตรา 40 ซึ่งเป็นบทบัญญัติใช้ได้ทั่วไป ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พิพากษายืน

Share