แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ร่วมนำมาให้จำเลยยืมไปลงทุนค้าพลอย โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย อันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ย เกินอัตรา พ.ศ.2475 และจำเลยได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระเงินดอกเบี้ยดังกล่าว โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้นซึ่งมีมูลหนี้โดยผิดฎกหมายได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 แม้ขณะที่ออกเช็คนั้นจำเลยจะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะจ่ายเงินจำนวนตามเช็คนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1291/2505)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สองฉบับคือ ฉบับหมายเลข ข.๓๑๐๗๖๔๖ และฉบับหมายเลข ข.๓๑๐๗๖๖๐ สั่งจ่ายเงินให้แก่นายเต็ก แซ่ตั้ง เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อพลอย ต่อมานายเต็ก แซ่ตั้ง นำเช็ค ๒ ฉบับนี้ไปขึ้นเงินที่ธนาคารนั้น ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย และเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ตามลำดับทั้งนี้จำเลยออกเช็คทั้งสองฉบับนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ เหตุเกิดที่ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ และตำบลมักกะสัน อำเภอพญาไท กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกันขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายเต็ก แซ่ตั้ง ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นฟังว่า เช็คฉบับแรกมิใช่ออกเพื่อชำระค่าพลอยแต่ออกค้ำประกันจำนวนเงินที่ผู้เสียหายลงทุนให้นายธาราบุตรผู้เสียหาย และจำเลยเข้าหุ้นกันค้าพลอย จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องส่วนเช็คฉบับสอง ออกชำระค่าดอกเบี้ยในเงินทุนตามเช็คฉบับแรกแต่ขณะออกมีเงินในบัญชีไม่พอจ่ายจึงมีความผิด พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓ จำคุกมีกำหนด ๓ เดือน
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า โจทก์ร่วมนำเงินมาลงทุนให้จำเลยค้าพลอยกับนายธารา โจทก์ร่วมคิดดอกเบี้ยจากเงินจำนวนนี้ร้อยละ ๒.๕๐ บาทต่อเดือน เช็คฉบับที่สองนี้เป็นเช็คค่าดอกเบี้ยดังกล่าวซึ่งจำเลยจ่ายให้โจทก์ร่วม ศาลฎีกาเห็นว่าเงินที่โจทก์ร่วมนำมาลงทุนให้จำเลยค้าพลอยโดยมิได้แบ่งส่วนกำไรแต่คิดเป็นดอกเบี้ยในลักษณะเดียวกับการให้ยืมเงินไปโดยคิดดอกเบี้ยนั่นเอง การที่โจทก์ร่วมคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๓ โจทก์ร่วมใช้สิทธิเอาเช็ครายพิพาทไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้จ่ายเงินตามเช็ค ซึ่งมีมูลหนี้โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้ได้เงินตามเช็คเป็นการกระทำผิดอาญาแล้ว โจทก์ร่วมย่อมไม่มีสิทธิจะทำได้และไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินจำนวนตามเช็คนั้นได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับเช็คฉบับหลายเลข ข.๓๑๐๗๖๖๐ เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์