คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6328/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่ผู้ร้องร้องขอเฉลี่ยเป็นเงินที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยจำเลยยอมให้การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบหรือหักเงินเดือนของจำเลยทุกเดือนชำระหนี้ ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบ เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินที่การรถไฟแห่งประเทศไทยส่งไปยังศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่เงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยจำเลยยอมให้การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบหรือหักเงินเดือนของจำเลยเดือนละ 5,000 บาท ชำระให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบหนี้ ศาลมีหนังสือแจ้งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยทราบแล้วต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเงินเดือนของจำเลยมายังศาลเดือนละ 5,000 บาท ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินดังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์เพราะเป็นกรณีที่จำเลยได้นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ มิใช่กรณีเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์สินของจำเลยไว้แทนโจทก์
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินที่ผู้ร้องร้องขอเฉลี่ยเป็นเงินที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยจำเลยยอมให้การรถไฟแห่งประเทศไทยมอบหรือหักเงินเดือนของจำเลยทุกเดือนเดือนละ 5,000 บาท ชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบ หลังจากศาลพิพากษาตามยอม โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีหนังสือแจ้งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยหักเงินเดือนของจำเลยส่งมาดังนั้นเงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินที่การรถไฟแห่งประเทศไทยส่งไปยังศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิใช่เงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้
พิพากษายืน

Share