คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6319/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายจำเลยได้ยื่นคำแถลงขอตรวจสำนวนคดีก่อนยื่นคำร้องพิจารณาใหม่แล้วถึง2ครั้งซึ่งศาลชั้นต้นก็อนุญาตจึงถือได้ว่าทนายจำเลยได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอแล้วข้ออ้างของทนายจำเลยที่ว่าทนายจำเลยเป็นทนายความใหม่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอที่จะดำเนินการได้นั้นเป็นข้อบกพร่องของทนายจำเลยเองในการปฎิบัติหน้าที่กรณีมิใช่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน2,546,859.55 บาท เพื่อไถ่ถอนจำนองพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ21 ต่อปี ของต้นเงิน 1,591,554.86 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ไม่ชำระขอให้ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ หากได้เงินจากการขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลย ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัด พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,234,827.54 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปีของต้นเงิน 1,591,554.86 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 221845 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์หากได้เงินจากการขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลย ยื่น คำขอ ให้ พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฎว่าเจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับแก่จำเลยโดยวิธีปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2536ซึ่งการส่งคำบังคับมีผลใช้ได้วันที่ 31 มีนาคม 2536 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 วรรคสอง จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 21 เมษายน 2536 จึงเกินกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เหตุที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้านั้นถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ในข้อนี้จำเลยอ้างว่าทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถ่ายเอกสารในสำนวน แต่เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นจัดการให้เมื่อล่วงพ้นกำหนดที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่แล้ว ทนายจำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายได้ เห็นว่า กรณีนี้ข้อเท็จจริงสำนวนปรากฎว่าทนายจำเลยได้ยื่นคำแถลงขอตรวจสำนวนคดีนี้ก่อนแล้วถึง 2 ครั้ง ตามคำแถลงฉบับลงวันที่ 1 และวันที่ 5เมษายน 2536 ตามลำดับ ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งอนุญาต กรณีจึงถือได้ว่าทนายจำเลยได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอแล้วดังนั้นที่ทนายจำเลยจะอ้างว่าทนายจำเลยเป็นทนายความใหม่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอที่จะดำเนินการได้นั้น ก็เป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเองในการปฏิบัติหน้าที่ถ้าทนายจำเลยรู้ตัวเช่นนั้นและเห็นว่าอาจจะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ไม่ทันตามกฎหมายทนายจำเลยก็น่าจะขอขยายเวลาให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่หาได้กระทำไม่ จึงถือไม่ได้ว่าเหตุที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้าดังที่จำเลยกล่าวอ้างมานั้น กรณีมิใช่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคหนึ่ง ดังนี้คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ยื่นล่วงพ้นกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคหนึ่ง จึงเป็นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ที่มิชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษายืน

Share