แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้มอบโรงไฟฟ้าให้พวกโจทก์แล้วกลับมาแจ้งความเท็จว่าพวกโจทก์บุกรุกแต่โจทก์กลับนำสืบว่าโจทก์ไม่ได้เข้าไปในโรงไฟฟ้าในวันกล่าวหาแต่จำเลยกลับไปแจ้งความว่าโจทก์บุกรุกเข้าไปในโรงไฟฟ้าดังนี้ เป็นการสืบนอกเหนือข้อเท็จจริงในฟ้อง ศาลไม่ลงโทษจำเลย
คดีอาญาที่ศาลล่างทั้ง 2 ได้ยกฟ้องโจทก์ยืนกันมา โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
ย่อยาว
โจทก์ทั้ง ๘ คนต่างยื่นฟ้องจำเลยทุกคนคนละสำนวนหาว่าแจ้งความเท็จและร้องเรียนเท็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทุกสำนวน
ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์เว้นแต่สำนวนที่นายสื่อเป็นโจทก์ให้ลงโทษ นายฉอ้อนตาม ม.๑๑๘,๑๕๘, และนายฟัก ตามมาตรา ๑๑๘
โจทก์จำเลยที่ต้องโทษฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาปล่อยจำเลย โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ ฎีกาของโจทก์เป็นการเถียงข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม และทั้งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีฝ่าฝืนข้อเท็จจริงในสำนวนประการใด ฎีกาของโจทก์ซึ่งต้องห้ามจึงตกไป สำหรับฎีกาจำเลยที่ต้องโทษฉะเพาะสำนวนนายสื่อ ๆ โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยได้มอบโรงไฟฟ้าให้พวกโจทก์แล้วกลับมาแจ้งเท็จหาว่าพวกโจทก์บุกรุก ที่โจทก์มาเบิกความชั้นศาลว่า ไม่ได้เข้าไปในโรงไฟฟ้า แต่จำเลยไปแจ้งความว่าโจทก์ไปบุกรุกเข้าโรงไฟฟ้าจึงเป็นการสืบนอกเหนือข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในฟ้องลงโทษจำเลยมิได้ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น