แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไปพูดขอจำนองเรือนและได้รับล่วงหน้าไปบ้างแล้ว ครั้นถึงกำหนดบิดพริ้วไม่ยอมไปทำสัญญาจำนองพูดว่าไม่ใช่เรือนของตน เพียงเท่านี้จำเลยยังไม่มีผิดฐานฉ้อโกง โจทก์ต้องสืบให้ได้ความว่าเรื่อนที่ว่า+จำนองตนนั้นมิใช่ของจำเลยจริง และจำเลยรู้แล้วเอาไปพูดหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อจึงจะลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่าจำเลยทั้งสองได้ไปหาโจทก์พูดขอจำนองเรือนที่จำเลยอยู่ให้โจทก์เป็นเงิน ๑๐๐ บาท โจทก์จึงมอบเงิน ๘๓ บาทให้จำเลยไปก่อน โดยจำเลยอ้างว่าจะเอาไปเสียค่าปรับเรื่องเล่นเบี้ยโบก ส่วนอีก ๑๗ บาทนั้นตกลงจะไปชำระกันในวันทำสัญญา-จำนอง ครั้นถึงกำหนดทำสัญญาจำนองจำเลยก็ผัดผ่อนหลีกเลี่ยงตลอดมาจนในที่สุดได้บอกโจทก์ว่ามิใช่เรือนของตน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามมาตรา ๓๐๔
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าคดีนี้โจทก์ไม่มีพะยานสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อจำเลยไปพูดขอจำนองเรือนนั้นเรือนที่จะเอาจำนองไม่ใช่ของจำเลย เรือนหลังนั้นเวลานี้จะเป็นของใครยังไม่แน่ชัด ฉะนั้นเมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าเมื่อไปขอจำนองครั้งแรก จำเลยได้กล่าวเท็จหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อ รูปคดียังไม่เป็นผิดทางอาญาพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์