คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6306/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นบุตรของโจทก์ร่วมกับนางเสงี่ยมซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันผู้เสียหายจึงไม่ใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ร่วม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้จดทะเบียนว่าผู้เสียหายเป็นบุตร โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้ใช้อำนาจ ปกครองของผู้เสียหายและมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายที่จะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการและไม่มีฐานะเป็นโจทก์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย อายุ ๑๗ ปีเศษ ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย โดยใช้กำลังกอดปล้ำผู้เสียหายจนล้มลง ขึ้นคร่อมบนตัวผู้เสียหาย แล้วกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ ๑ ครั้ง โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บิดาของผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า ตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เสียหายเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๒๓ ผู้เสียหายเป็นบุตรของโจทก์ร่วมกับนางเสงี่ยม โจทก์ร่วมเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ร่วมกับนางเสงี่ยมไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เสียหายเกิดแต่โจทก์ร่วมกับนางเสงี่ยม ผู้เสียหายจึงใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ร่วม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้จดทะเบียนว่าผู้เสียหายเป็นบุตร โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้ใช้อำนานปกครองผู้เสียหาย และมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายที่จะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕ (๑) จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ และเป็นโจทก์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share