แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่สามีนำหญิงอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านและยังอยู่ร่วมกันตลอดมาถือว่าสามีทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงจนภรรยาไม่อาจอยู่กินเป็นสามีภรรยากันต่อไปได้
การนับอายุความฟ้องร้องขอหย่าในกรณีเช่นนี้จะต้องนับตั้งแต่เมื่อการทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงได้ยุติลงตราบใดที่เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ย่อมเป็นเหตุต่อเนื่องกันตลอดมาคดีไม่ขาดอายุความเพราะอายุความยังไม่เริ่มนับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยพาหญิงอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน อันเป็นการประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาอย่างร้ายแรง ขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยคืนสินส่วนตัวให้โจทก์ ให้โจทก์เป็นผู้ปกครองบุตรและให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์กับบุตรด้วย
จำเลยให้การว่า ไม่เป็นความจริงดังโจทก์ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เหตุหย่าตามฟ้องโจทก์รู้ความจริงนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 3 เดือนแล้ว คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ว่า การที่จำเลยนำนางสุวดีภรรยาคนเดิมเข้ามาอยู่ในบ้านและยังอยู่ร่วมกันตลอดมา ซึ่งถือว่าจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงจนโจทก์ไม่อาจอยู่กินเป็นสามีภรรยาต่อไปได้ และโจทก์รู้ความจริงข้อนี้ก่อนำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 3 เดือนดังนี้ สิทธินำคดีมาฟ้องร้องของโจทก์ระงับไปแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การนับอายุความในกรณีเช่นนี้ จะต้องตั้งนับเมื่อจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงได้ยุติลง ตราบใดที่เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ย่อมเป็นเหตุต่อเนื่องกันตลอดมา คดีไม่ขาดอายุความเพราะอายุความยังไม่เริ่มนับ กรณีจึงมีเหตุตามกฎหมายที่จะให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันได้ สิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงหาได้ระงับไปไม่
เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นตามที่ศาลชั้นต้นได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวเสียก่อน
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี