คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการกระทำผิดเรื่องปล้นทรัพย์รายเดียวกัน โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คนเป็นสำนวนหนึ่ง โดยกล่าวว่าเหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระ อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดพระนคร (ซึ่งที่ถูกเป็นจังหวัดธนบุรี) แล้วฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นอีกสำนวนหนึ่งสำนวนนี้บรรยายฟ้องถูกต้องว่าเหตุเกิดที่จังหวัดธนบุรี ปรากฏว่าจำเลย 2 คนแรกนั้นมีบ้านเรือนอยู่ในอำเภอตลิ่งชันที่เกิดเหตุ ย่อมจะทราบได้ดีว่าที่เกิดเหตุอยู่ในจังหวัดธนบุรีทั้งสถานที่อยู่ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นต่อสู้และนำสืบก็ว่าอยู่ที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรีนั่นเองการที่โจทก์บรรยายฟ้องผิดจังหวัดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดี การผิดพลาดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไป
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้นไม่เป็นข้อสำคัญเมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ว ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยทั้งสามกับพวกอีก1 คนมีมีดและปืนเป็นอาวุธติดตัว ทำการปล้นทรัพย์ ในคดีนี้นายหยินและนายใจเป็นจำเลย โจทก์บรรยายว่าเหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระ อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดพระนคร ซึ่งที่ถูกเป็นจังหวัดธนบุรี ส่วนในคดีที่นายเบี้ยวเป็นจำเลยนั้น โจทก์ระบุว่าเหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องว่านายเบี้ยวจำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีเรื่องอื่นอีกคดีหนึ่งขอให้นับโทษต่อ จำเลยรับว่าต้องโทษอยู่ในคดีนั้นจริง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม และให้นับโทษนายเบี้ยวจำเลยต่อจากโทษในคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้นด้วย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเรื่องฟ้องผิดจังหวัดกับไม่ควรนับโทษ

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อที่ว่าโจทก์บรรยายฟ้องผิดจังหวัดไปนั้น ปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่านายหยินกับนายใจจำเลยก็เป็นคนมีบ้านเรือนอยู่อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี อำเภอเดียวกับที่เกิดเหตุ ย่อมจะทราบได้ดีว่าที่เกิดเหตุอยู่ในจังหวัดธนบุรี ทั้งสถานที่อยู่ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นต่อสู้และนำสืบก็ว่าในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งสองอยู่ที่บ้านนายใจจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอตลิ่งชันจังหวัดธนบุรีนั่นเอง การที่โจทก์บรรยายฟ้องผิดจังหวัดไปนี้หาได้เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดีไม่ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการผิดพลาดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไปนั้นชอบแล้ว

ข้อที่นายเบี้ยวจำเลยฎีกาว่าจำเลยนี้ถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนคดีอื่นจึงไม่ควรนับโทษต่อนั้น เห็นว่าจำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้นไม่เป็นข้อสำคัญ เมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลัง ก็ย่อมให้นับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้

พิพากษายืน

Share