คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6291/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 เมื่อมีการหย่ากันแล้วและการหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531 วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาจำเลยโดยจดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกันรวม 4 คน คนสุดท้องชื่อเด็กหญิงอังคณา ขุนนาแก้ว อายุ14 ปี ระหว่างอยู่กินด้วยกันโจทก์และจำเลยมีสินสมรส คือที่ดินโฉนดเลขที่ 26358 พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ดินโฉนดเลขที่ 31654พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินว่างเปล่าตั้งอยู่ตำบลบางพระอาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก รถยนต์หมายเลขทะเบียน ม.1452 ชลบุรี จำนวน 1 คัน เงินฝากที่ธนาคารเอเชีย จำกัดสาขาบางพระ จำนวนเงิน 100,000 บาท เมื่อประมาณปลายปี 2529จำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์เกินกว่า 1 ปี ไปให้ความอุปการะเลี้ยงดูยกย่องหญิงอื่นเป็นภริยาและอยู่กินร่วมกันอย่างเปิดเผยไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตร และในการที่จำเลยไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูทำให้โจทก์ต้องยากจนลงเพราะโจทก์ไม่มีรายได้ทางอื่น ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ และจดทะเบียนโอนและแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 26358 พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาและให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 31654 พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ดินว่างเปล่า อาวุธปืน รถยนต์และเงินฝากธนาคารให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากแบ่งทรัพย์ดังกล่าวให้ไม่ได้ ให้นำทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นเวลา 6 ปี ให้เด็กหญิงอังคณา ขุนนาแก้ว อยู่ในความปกครองของโจทก์ และให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงอังคณาขุนนาแก้ว ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยจงใจทิ้งร้างโจทก์ จำเลยไม่เคยให้ความอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นเป็นภริยา จำเลยอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรเรื่อยมาจนบัดนี้ ทรัพย์สินตามฟ้องเป็นสินส่วนตัวของจำเลย อาวุธปืนตามฟ้องสูญหายไปแล้วและเงินฝากที่ธนาคารมีเพียงประมาณ 80,000 บาท เท่านั้น หากโจทก์และจำเลยหย่ากันก็มิได้ทำให้โจทก์ต้องยากจนลง ค่าเลี้ยงชีพที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยหย่ากับโจทก์ให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 26358 ตำบลบางพระอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินบ้านเลขที่ 139/15 และ ศาลทรงเจ้า ที่ดินโฉนดเลขที่ 31654ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมบ้านเลขที่ 130/8และให้แบ่งที่ดินมือเปล่า หมู่ที่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี เฉพาะส่วนของจำเลยเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 เครื่องหมายทะเบียน ชบ.2/1772 ตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนหมาย จ.7 รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียนม-1452 ชลบุรี ตามใบอนุญาตทะเบียนรถหมาย จ.14 เงินฝากที่ธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาบางพระ ตามบัญชีออมทรัพย์หมาย จ.9และ จ.10 ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้หรือตามสภาพทรัพย์ไม่อาจแบ่งได้หรือการแบ่งจะทำให้ทรัพย์นั้นเสียหายมาก ก็ให้เอาทรัพย์นั้นออกขายโดยประมูลระหว่างโจทก์กับจำเลยก่อน หากยังขายไม่ได้ให้เอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นเวลา 6 ปี และให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูนางสาวอังคณาขุนนาแก้ว เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะให้นางสาวอังคณา ขุนนาแก้ว อยู่ในความปกครอง (ที่ถูกอำนาจปกครอง)ของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเลี้ยงชีพวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1526 เมื่อมีการหย่ากันแล้ว และการหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1531 วรรคสอง ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับค่าเลี้ยงชีพนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจึงไม่ถูกต้อง แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์เป็นเวลา6 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share